Clubhouse ทำไมกลายเป็นปรากฏการณ์

Pawoot.com
ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ

ช่วงที่ผ่านมามีข่าวคนแห่ใช้แอปพลิเคชั่น clubhouse กันเยอะมาก มันคือ two way communication ที่กลายเป็นปรากฏการณ์ ที่คนทั้งโลกพูดถึง ผมเองเช็กกับเพื่อนในต่างประเทศทั้งมาเลเซีย เวียดนาม ทุกคนพูดถึง clubhouse กันทั้งนั้นทั้งที่ออกมาประมาณ 7-8 เดือน เป็นโซเชียลมีเดียรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างคือ หากใช้ Facebook จะเป็นลักษณะการพิมพ์ข้อความ ใส่รูปภาพ ใส่วิดีโอ อาจมีการไลฟ์ที่สื่อสารกันได้ แต่จะไม่ได้คุยกันแบบเรียลไทม์ หรือเป็นไลฟ์ที่คุยกันแบบหนึ่งคนคุยแล้วมีคนคอยดู และโต้ตอบด้วยตัวหนังสือ หรือทวิตเตอร์ก็เป็นตัวหนังสือ

ในแง่ clubhouse เป็นโซเชียลมีเดียที่ใช้เสียง จุดเด่นจริง ๆ คือเหมือนห้องแชตด้วยเสียงเป็นกลุ่ม ความแตกต่างกับโซเชียลมีเดียอื่นคือ ใช้คำว่ากรุ๊ปและเป็นเรียลไทม์ พูดคุยกันด้วยเสียงทันที ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนทั่วโลกคุณภาพเสียงก็ดีมาก หากสังเกตจะเห็นว่าคือช่องว่างของโซเชียลมีเดียที่ไม่เคยมีใครจับมาก่อน

ที่สำคัญการเกิดการเริ่มต้นของแพลตฟอร์มแบบนี้เริ่มจากกลุ่มคนที่มีอิทธิพลในวงการอินเทอร์เน็ต ในซิลิคอนวัลเลย์ พวกสตาร์ตอัพต่าง ๆ คนที่เป็น CEO ในวงการเทคโนโลยีมานั่งคุยกันเป็นพื้นที่เปิดให้คนมาพูดคุยกันได้

แอปนี้ดังมากในซิลิคอนวัลเลย์ที่อเมริกา จากนั้นก็เริ่มออกมาในระดับโลก เพราะมี CEO ระดับโลกมาใช้อย่างอีลอน มัสก์ และ CEO บริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ เริ่มมีคนดังในแวดวงสตาร์ตอัพจึงมีคนพูดถึงกันมาก

“อีลอน มัสก์” เองมีคนตามเป็น 10 ล้าน เขาเข้ามาคุยที่ห้องนั้นห้องนี้ คนก็เริ่มแห่ตามเขาไป เพราะสามารถเข้าไปฟังอีลอน มัสก์พูดได้แบบเรียลไทม์จึงเกิดเป็นปรากฏการณ์

ผมเริ่มใช้วันที่ 6 ม.ค. เพื่อนชาวญี่ปุ่นส่งมาให้ ตอนแรกยังงง ๆ นึกว่าเป็นสแปมจึงสมัครผ่านมือถือ แต่การสมัครใช้ clubhouse สมัครได้เฉพาะในระบบ iOS คนที่มี iPhone หรือ iPad ใช้งานได้ แต่แค่ดาวน์โหลดแอปยังไม่พอ ต้องมีคนเชิญเข้าไปตอนนี้มีการขาย invite กัน ราคาประมาณ 1,500 บาทก็มี ในไทยตอนที่ผมเข้าไปวันแรก ๆ ยังไม่ค่อยมีคนไทย ในแอปจะเป็นห้อง ๆ มีกลุ่มให้เลือกว่าชอบแบบไหน ผมชอบแนวเทคโนโลยี เลือกแนวสตาร์ตอัพ การทำธุรกิจต่าง ๆ ก็จะเจอกลุ่มคนในฝั่งอเมริกาบ้าง สิงคโปร์บ้างก็ใช้พวกนี้อยู่ จากนั้นจึงเริ่มเห็นกลุ่มคนเทคโนโลยี

ในเมืองไทยเริ่มแห่เข้ามากันจาก 10-20 คนที่พูดคุยกัน แต่ตอนนี้มีเยอะมาก นึกไม่ออกเลยว่าอนาคตต่อไปถ้า clubhouse ขยายไปในวงกว้าง

ผมบอกได้เลยว่าห้องจะเยอะมาก ตอนนี้ยังจำกัดแค่เฉพาะคนใช้ iOS ซึ่งเขากำลังเตรียมเปิดตัว Android หากมาคนก็จะแห่เข้ามาอีกมากมายทีเดียว

ต้องบอกว่ามันเกิดปรากฏการณ์ทำให้คนที่ใช้ Android มาตลอดเริ่มไปซื้อ iPhone หรือ iPad เพราะอยากเข้ามา ปรากฏการณ์ที่คนพูดถึงเต็มไปหมดในโซเชียลว่าคนนั้นคนนี้มาพูดใน clubhouse ทำให้คนอยากเข้ามาฟัง จะไปหามาฟังซ้ำจากที่อื่นก็ไม่ได้เพราะมีกฎที่ห้ามอัดเสียง จึงเกิดเหตุการณ์คือ FOMO (fear of missing out) กลัวพลาดเรื่องที่คนอื่นคุยกัน กลัวไม่รู้เรื่อง

clubhouse โตเร็วมีกลุ่มคนที่หลากหลาย ห้องก็เริ่มหลากหลายตามกลุ่มคนที่เข้ามาตอนนี้อาจยังอยู่ในกลุ่มคนทำงานแต่อีกสักพักเชื่อว่าจะเริ่มมีหัวข้อที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์แฟชั่นมากขึ้น ใครมี iPhone อยู่ดาวน์โหลดแอปสมัครใช้ได้เลยจะมีการส่ง SMS ยืนยันมาให้ แต่คุณจะยังใช้งานไม่ได้ยกเว้นมีใครมาเชิญให้เข้าไป หรือคุณสมัครและมีเพื่อนที่ใช้อยู่แล้ว ชื่อของคุณจะไปโผล่ในคลับเฮาส์ว่าคุณสมัครเข้ามาแต่กำลังรอเข้าอยู่ ต้องให้เพื่อนช่วยกดรับ

เมื่อเข้ามาจะมีเป็นห้อง ๆ ชื่อห้องจะระบุว่ามีใครบ้าง มีกี่คน มีกี่คนที่กำลังเป็นสปีกเกอร์อยู่ จุดเด่นคือ เนื้อหาหรือหัวข้อที่มีคนคุย มีความหลากหลายของคนที่เข้ามา เช่น คุยเรื่องคริปโตเหรียญดิจิทัลรูปแบบหนึ่ง ปกติจะเป็นคนที่ทำเหรียญดิจิทัลเข้ามาคุยกัน แต่ก็มีกลุ่มคนที่เป็นดารา นักธุรกิจเข้ามาคุยกัน

มุมมองแต่ละคนที่เข้ามาคุยในห้องน่าสนใจและไม่เคยมีการพูดถึงมาก่อน ทำให้เกิดการติดแบบงอมแงม เพราะมีเพื่อน มีเนื้อหาที่น่าสนใจจนไม่อยากพลาด และที่สำคัญเป็นการพูดคุยด้วยเสียงไม่มีปุ่มสำหรับอัดเสียง เพราะคนทำต้องการให้บรรยากาศเหมือนไปนั่งคุยกับเพื่อนที่ร้านเหล้า แอปไม่อนุญาตให้อัดเสียงหรือกดอัดวิดีโอทำให้คนกล้าพูด กล้าแสดงความเห็น ฉะนั้นเนื้อหาที่พูดจึงกลายเป็นเรื่องน่าสนใจ และยังเป็นเนื้อหาที่ไปแล้วไปเลย ทำให้คนต้องรอเพื่อเข้ามานั่งคุย บอกเลยว่าคุณต้องลองสมัครเข้ามาเพื่อเปิดโลกเปิดมุมมองจริง ๆ ครับ