เฟซบุ๊กงานเข้า หลังเล็งออก IG สำหรับเด็ก

ไอจี
Tech Times
มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ

งานเข้าอีกแล้วสำหรับเฟซบุ๊ก เจ้าของอินสตาแกรม เพราะแค่มีข่าวหลุดว่ากำลังเตรียมทำ IG เวอร์ชั่นใหม่ เจาะกลุ่มผู้ใช้งานอายุต่ำกว่า 13 ปี ก็โดนอัยการประจำรัฐต่าง ๆ

ออกมาถล่มว่าจะเป็นการหากินบนความไร้เดียงสาของเด็ก เดือนที่แล้ว Buzzfeed สื่อออนไลน์ชื่อดังเผยแพร่เอกสารภายในที่ระบุว่า บริษัทกำลังพัฒนา IG เวอร์ชั่นใหม่สำหรับเด็กโดยเฉพาะ

เป็นเหตุให้วันจันทร์ที่่ผ่านมา อัยการประจำ 44 รัฐ ในอเมริกา รวมตัวกันยื่นจดหมายถึงมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ขอให้หยุดแผนนี้ทันที

ในจดหมายฉบับดังกล่าวยังระบุผลการศึกษาที่ชี้ว่า โซเชียลมีเดียมีผลเสียต่อสภาพจิตของเด็ก ทำให้เกิดภาวะขาดความมั่นใจและมีอาการอยากฆ่าตัวตาย นอกจากนี้ยังบอกอีกว่า เยาวชนอายุต่ำกว่า 13 นั้น

ยังเด็กเกินกว่าจะรับมือกับปัญหาการถูกละเมิดความเป็นส่วนตัวบนออนไลน์ อีกทั้งระบุว่า แค่ปี 2020 ปีเดียว มีรูปเด็กโดนละเมิดทางเพศเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมกว่า 20 ล้านรูป โดยที่บริษัทไม่สามารถควบคุมได้

อัยการฟาดต่อด้วยว่า เฟซบุ๊กมีประวัติความล้มเหลวในการดูแลผู้ใช้งานอายุน้อย เช่น ข่าวในปี 2019 ที่รายงานว่า บริการ Messenger Kids สำหรับเด็กอายุ 6-12 ขวบนั้น หละหลวมจนปล่อยให้เด็ก ๆ

คุยกับคนแปลกหน้าลับหลังพ่อแม่ได้ง่าย ๆ ทำให้นำไปสู่ข้อสรุปว่า เฟซบุ๊กไม่ได้ออกบริการนี้มาเพื่อสนองความต้องการผู้ใช้งาน แต่เป็นการสร้างความต้องการใหม่ขึ้นมาโดยเน้นชักจูงเด็ก ๆ ที่ยังไม่มีบัญชีให้มาสมัครใช้ IG มากขึ้น

ไม่ใช่ครั้งแรกที่บริษัทโดนถล่มเรื่องนี้ เดือนก่อนมาร์กเคยโดนวุฒิสภาเรียกไปชี้แจงเรื่องนี้มาแล้ว

ซึ่งมาร์กบอกว่า แผนดังกล่าวยังเพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นแต่ไม่วายตบท้ายว่ามีคนอายุต่ำกว่า 13 อยากใช้ IG เยอะแยะไป

สำหรับเหตุการณ์ล่าสุดเฟซบุ๊กชี้แจงว่า ความจริงผู้ปกครองส่วนใหญ่รู้ดีว่าเด็ก ๆ ใช้งานออนไลน์กันอยู่แล้ว สิ่งที่บริษัทต้องการทำ คือ พัฒนาบริการที่ให้ผู้ปกครองสามารถควบคุมการใช้งานออนไลน์ของเด็ก ๆ ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นต่างหาก

และเพื่อย้ำว่า ไม่ได้หาเงินจากเด็ก บริษัทประกาศว่า IG สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 13 นี้ จะไม่มีโฆษณาเด็ดขาด

ความจริงเฟซบุ๊กไม่ได้เป็นโซเชียลมีเดียเจ้าเดียวที่ออกบริการสำหรับเด็ก โซเชียลรายอื่น อย่าง Google ที่เป็นเจ้าของ YouTube ก็มีแพลตฟอร์มสำหรับเด็กโดยเฉพาะ แล้วก็เคยต้องจ่ายค่ายอมความกว่า 170 ล้านเหรียญ ในกรณีถูกร้องเรียนว่ามีการเอาข้อมูลของเด็กไปขายต่อโดยไม่ได้รับความยินยอมมาแล้ว

แต่ที่เฟซบุ๊กโดนเล่นงานหนักกว่าใครคงมาจากการเป็นโซเชียลมีเดียที่ใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุดในโลก และถึงแม้จะเป็นเรื่องจริงว่าการดีไซน์แพลตฟอร์มเฉพาะสำหรับเด็กอาจปลอดภัยกว่าปล่อยให้เด็กไปใช้แพลตฟอร์มทั่วไป

แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้ว่าเฟซบุ๊กได้บ่อนทำลายความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีแบรนด์ตัวเองไปจนแทบไม่เหลือซาก ดังนั้น ต่อให้บริการใหม่จะมาจากความปรารถนาดีจริง ก็คงยากจะเปลี่ยนความคิดคนได้