Sea ประเทศไทย-กสศ.ร่วมมือเพิ่มทักษะ “ดิจิทัล” เด็กอาชีวะป้อนตลาดแรงงาน

Sea ประเทศไทยร่วมกับ กสศ. เปิดโครงการ “ปลูกทักษะชีวิต คิดทันโลกดิจิทัล” กระจาย “ความรู้ดิจิทัล-อีคอมเมิร์ซ” สู่กลุ่มอาชีวะ ปั้นแรงงานเข้มแข็ง-ปลูกต้นกล้าผู้ประกอบการ 

วันที่ 24 มิถุนายน 2564 นางสาวมณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sea (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจต่างๆ หันมาประยุกต์ใช้เทคโนโลยี โดยเฉพาะอีคอมเมิร์ซ โดยรายงาน e-Conomy SEA 2020 จาก Google, Temasek และ Bain & Company กล่าวถึงการเติบโตก้าวกระโดดของอีคอมเมิร์ซไทยว่าในปี 2563 มีมูลค่าถึง 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2568 ดังนั้นทักษะด้านอีคอมเมิร์ซและการทำธุรกิจบนโลกดิจิทัล จึงเป็นทักษะสำคัญในการเปิดโอกาสทางด้านอาชีพ โดยเฉพาะอาชีพที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมดิจิทัล ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการสูงในตลาดแรงงานไทย

บทบาทของเทคโนโลยีที่โดดเด่นขึ้นกะทันหันอาจยากต่อการปรับตัว ขณะที่ผู้คนบางส่วนมองการพัฒนาทักษะดิจิทัลเป็นเรื่องไกลตัว ไม่สัมพันธ์กับการหาเลี้ยงชีพ ดังนั้น Sea (ประเทศไทย) จึงเริ่มโครงการ “ปลูกทักษะชีวิต คิดทันโลกดิจิทัล” เพื่อช่วยยกระดับทักษะดิจิทัลให้นักศึกษาสายอาชีพที่มาจากครอบครัวที่มีรายได้น้อย เปิดโอกาสการเข้าถึงช่องทางสร้างรายได้หลัก และรายได้รองที่มีความเสี่ยงต่ำ และใช้ต้นทุนต่ำ 

โดยมุ่งให้ความรู้ที่ต่อยอดการเติบโตในอนาคตอย่างรอบด้าน อาทิ การทำธุรกิจและการตลาดดิจิทัล การวิเคราะห์กลุ่มลูกค้า การบริหารจัดการต้นทุน เป็นต้น เป็นการปลูกต้นกล้าผู้ประกอบการ และทลายเพดานความสามารถให้ผู้ร่วมโครงการเป็นแรงงานแห่งอนาคตที่มีความเป็นอยู่ และรายได้ที่มั่นคง ทั้งยังเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรและสร้างมูลค่าเพิ่มให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

นางสาวมณีรัตน์กล่าวต่อว่า นักเรียนอาชีวศึกษาเป็นแรงงานแห่งอนาคตที่สำคัญและควรได้รับการสนับสนุน จากงานวิจัยของ กสศ. พบว่าในอีก 10 ปี ประเทศไทยต้องการแรงงานปริญญาตรีสายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการ (ทล.บ.) ที่ต่อยอดมาจากการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) มากถึง 1 ใน 3 ของแรงงานทั้งหมด แต่จำนวนนักศึกษาสายอาชีพจบใหม่กลับมีแนวโน้มลดลง และมีนักศึกษาสายอาชีพลาออกกลางคันกว่า 80,000 คนต่อปีจากปัญหารายได้ครอบครัว

ด้าน ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า กสศ.มุ่งลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยได้ดำเนินการโครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ส่งเสริมโอกาสให้เยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาสที่มีความยากจน 20% ล่างสุดของประเทศได้เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น 

จากข้อมูลพบว่า ในประเทศไทยมีเด็กเกิดปีละราว 7 แสนคน และในจำนวนนี้ มีเพียง 5% หรือประมาณ 8,000 คน ที่มีโอกาสเรียนสูงกว่าระดับ ม.6 ดังนั้นโครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง จึงมุ่งส่งเสริมการศึกษาต่อที่เน้นในสายอาชีพสำคัญของประเทศที่ต้องการกำลังคน ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศตาม 10 อุตสาหกรรม S-Curve และ New S-Curve สาขา STEM (วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี) รวมถึงเทคโนโลยีดิจิทัล 

“นอกจากมอบทุนการศึกษา กสศ.ยังร่วมมือกับ Sea (ประเทศไทย) ในโครงการปลูกทักษะชีวิต คิดทันโลกดิจิทัล เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาทุนอาชีวะในกลุ่มเปราะบางจากครอบครัวที่มีรายได้น้อย มีรายได้ระหว่างเรียนและยังอยู่ในระบบการศึกษาต่อได้ ทั้งเป็นการเปิดโลกทัศน์ นำองค์ความรู้และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 มาสู่นักเรียนนักศึกษา เป็นการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่ช่วยเสริมทักษะชีวิตเพิ่มเติมให้น้อง ๆ” 

ดร.ไกรยสกล่าวว่า ในระยะแรกจะนำร่องด้วยโครงการ “เสริมแกร่งอาชีวะสู่ผู้ประกอบการดิจิทัล” ผู้ร่วมโครงการทุกคนจะได้ร่วมเรียนคอร์สออนไลน์จากผู้เชี่ยวชาญบน Shopee Bootcamp ครอบคลุมความรู้พื้นฐานสำหรับการเปิดร้านค้าออนไลน์ รวมถึงการจัดการบริหารร้านค้า 

โดยโครงการจะเปิดรับสมัครทีมนักศึกษาทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ระดับ ปวช. ปวส. และอนุปริญญา ตั้งแต่วันนี้จนถึง 15 กรกฎาคม 2564 ที่หน้าโครงการ “ปลูกทักษะชีวิต คิดทันโลกดิจิทัล” บนเว็บไซต์ ทุนสายอาชีพ.com ของ กสศ. เพื่อร่วม “การแข่งขันทำธุรกิจบนช้อปปี้” เพื่อต่อยอดความรู้อย่างต่อเนื่อง โดยทีมที่ผ่านการคัดเลือกจะได้ร่วมอบรมอีคอมเมิร์ซมาสเตอร์คลาสที่จัดโดย Sea (ประเทศไทย) ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในวงการอีคอมเมิร์ซไทย ซึ่งทุกทีมจะได้รับทุนสนับสนุนเพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์จาก Sea (ประเทศไทย) มูลค่า 10,000 บาท และทีมที่ชนะการแข่งขันจะได้รับเงินรวมกว่า 60,000 บาท เพื่อส่งเสริมการต่อยอดธุรกิจต่อไป