ถึงเวลาสกัดหัวคิว App Store

เก็บหัวคิว app store
ภาพจาก pixabay
TechTimes
มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ

เกาหลีใต้เพิ่งผ่านร่างกฎหมายซึ่งอาจส่งผลให้แอปเปิลและกูเกิลเก็บเงินค่าคอมมิสชั่นจากนักพัฒนาไม่ได้

โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาสภาของเกาหลีใต้ผ่านกฎหมายฉบับแรกของโลกที่อนุญาตให้นักพัฒนาแอปเก็บเงินค่าสินค้าและบริการได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านระบบของกูเกิลหรือแอปเปิลเช่นในอดีต

สำหรับนักพัฒนานี่คือข่าวดี เพราะไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิสชั่น 30% ให้เจ้าของ App Store อย่างกูเกิลและแอปเปิลทุกครั้งที่มีลูกค้าสั่งซื้อสินค้า

แต่สำหรับกูเกิลและแอปเปิลซึ่งเป็นเจ้าของ App Store ที่ใหญ่ที่สุดในโลก กฎหมายฉบับนี้อาจกลายเป็นระเบิดเวลาที่ส่งผลสะเทือนไปทั่วโลก

ตัวแทนของแอปเปิลบอกว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวจะทำให้ผู้ใช้บริการมีความเสี่ยงต่อการโดนฉ้อโกงและมีผลต่อการรักษาข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากนี้ ยังทำให้ความเชื่อถือที่ผู้บริโภคเคยมีต่อการซื้อสินค้าและบริการผ่าน App Store ลดลงด้วย

ในขณะที่ตัวแทนของกูเกิลบอกว่าจะพิจารณาว่าจะปฏิบัติตามกฎหมายนี้อย่างไร เพื่อจะยังคงรักษาระบบปฏิบัติการและ App Store ที่มีคุณภาพสูงสุดต่อไป

ร่างกฎหมายฉบับนี้ (หรือมีชื่อเรียกทั่วไปว่า Antigoogle law) ถูกส่งเข้าสู่การพิจารณาของสภาเกาหลีใต้ในเดือนสิงหาคม และได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ส.กว่า 180 คน

หากจำได้เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว Epic Games เจ้าของเกมดังอย่าง Fortnite ก็เคยท้าทายอำนาจการเก็บค่าคอมฯของแอปเปิลกับกูเกิลมาแล้ว โดยออกโปรโมชั่นให้ลูกค้าซื้อบริการผ่านเว็บไซต์ของตนในราคาที่ถูกกว่าจ่ายผ่าน App Store

การงัดข้อครั้งนั้นนำไปสู่การฟ้องร้องกันอีนุงตุงนัง โดย Epic Games กล่าวหาว่าแอปเปิลและกูเกิลใช้อำนาจผูกขาดธุรกิจแอปพลิเคชั่นบนมือถือและแท็บเลตอย่างไม่เป็นธรรม และบริษัทไม่เห็นด้วยกับนโยบายการเก็บค่าคอมมิสชั่นทุกการดาวน์โหลด และทุกครั้งที่มีการซื้อสินค้าหรือบริการผ่าน App Store

นอกจาก Epic Games แล้ว Match เจ้าของแอปหาคู่ชื่อดังอย่าง Tinder ก็ประสานเสียงเรียกร้องให้แอปเปิลและกูเกิลปลดล็อกให้เจ้าของแอปสามารถใช้ช่องทางการจ่ายเงินของตัวเองเสียที

จึงไม่แปลกที่ทันทีที่รู้ข่าวความเคลื่อนไหวล่าสุดในเกาหลี Match จะร่อนแถลงการณ์ยกย่องสภาเกาหลีที่มีความกล้าหาญในการผ่านร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้ซึ่งถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญในการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของวงการแอปพลิเคชั่นทั่วโลก

แถมตบท้ายด้วยว่าบริษัทจะเรียกร้องให้ทั่วโลกออกมาตรการคล้ายกันออกมาเพื่อปกป้องผู้บริโภคและเจ้าของธุรกิจจากการผูกขาดอำนาจของเจ้าตลาดต่อไป

นักวิเคราะห์จาก Wedbush Securities บอกว่า ปัจจุบันรัฐบาลหลายประเทศจับตามองอำนาจเหนือตลาดของแอปเปิลและกูเกิลอยู่แล้ว ทั้งในฐานะเจ้าของ App Store และระบบปฏิบัติการมือถือที่ใหญ่ที่สุดในโลก

แต่ความเคลื่อนไหวของสภาเกาหลีใต้อาจนำไปสู่การตรวจสอบบิ๊กเทคทั้งสองอย่างเข้มข้นขึ้น รวมถึงเป็นแม่แบบให้ประเทศอื่นทำตามจนสร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วโลก

ความจริงทั้งแอปเปิลและกูเกิลรู้ตัวดีว่ากำลังโดนเพ่งเล็งเรื่องนี้ จึงพยายามอ่อนข้อด้วยการบอกว่าจะลดค่าคอมมิสชั่นลงบ้าง และยังปรับนโยบายให้นักพัฒนาแอปส่งอีเมล์ชักชวนลูกค้าให้จ่ายเงินตรงได้เลยโดยไม่ต้องผ่านแอปเปิล

จะเห็นได้ว่านับวันอำนาจของบิ๊กเทคจะถูกท้าทายมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งจากผู้คุมกฎและเหล่าธุรกิจที่ต้องการปลดแอกจากการตกอยู่ใต้การควบคุมของบิ๊กเทคมาช้านาน

ในกรณีนี้แม้รายได้จากค่าคอมมิสชั่นอาจไม่ใช่รายได้หลัก สำหรับบริษัทระดับโลก แต่หากเกิดเป็นโดมิโนเอฟเฟ็กต์ไปทั่วโลกก็ย่อมส่งผลสะเทือนไม่น้อย เช่นเดียวกับกฎระเบียบที่ประเทศต่าง ๆ

ทยอยออกมาในแนวทางเดียวกันเพื่อควบคุมการทำธุรกิจของบิ๊กเทคอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทุกย่างก้าวของบิ๊กเทคนับจากนี้ต้องเต็มไปด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง