ไลน์ผุดฟีเจอร์ใหม่เพียบ หนุนธุรกิจเพิ่มยอดขาย

ไลน์

ไลน์ ประเทศไทย ชี้โควิดดันภาคธุรกิจดึงเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพิ่ม ขณะที่ปีนี้ปัจจัยความท้าทายยังเพียบ ทั้งการหารายได้รูปแบบใหม่จากระบบเศรษฐกิจใหม่ ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น ล่าสุดสบช่องว่างเปิดฟีเจอร์ใหม่ทั้งการบริหารจัดการข้อมูล โปรแกรม BLUE BADGE ให้ความรู้ ช่วยภาคธุรกิจออกแบบสินค้า บริการ หวังช่วยหนุนยอดขายให้ภาคธุรกิจ

วันที่ 23 มีนาคม 2565 นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ทั้งการทำงานจากที่บ้าน การสั่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ขณะที่ภาคธุรกิจก็ปรับตัวอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีเข้ามา

ขณะเดียวกัน ปีนี้ก็ยังมีความท้าทายใหม่ ๆ เกิดขึ้นอีกรอบ ทั้งพฤติกรรมใหม่เกิดขึ้นโดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจในโลกใหม่ เช่น การหารายได้ในรูปแบบสกุลเงินดิจิทัล (Play to Earn) รวมถึงปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ อย่างราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น และแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อทั่วโลก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีผลทำให้ต้นทุนของภาคธุรกิจจะปรับเพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ ไลน์ ในฐานแพลตฟอร์มดิจิทัล เดินหน้าพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจไทย และให้แบรนด์สามารถเจาะเข้าถึงผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด โดยปีนี้ได้พัฒนาโซลูชั่น Business Manager บริการบริหารจัดการข้อมูล (Data Solutions) ที่เหมาะสมกับกฎระเบียบ ง่ายต่อการใช้งาน เพื่อผลักดันให้ธุรกิจไทยเข้าใจและพัฒนาเรื่องการบริหารจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เจาะกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่ไม่ได้ต้องการการบริหารงานข้อมูลที่ซับซ้อน โดยจะเน้นไปที่การบริหารจัดการข้อมูลที่เกิดขึ้นโดยตรงบนแพลตฟอร์ม LINE ระหว่าง LINE Official Account และ LINE Ads Platform เพื่อให้แบรนด์สามารถนำมาวิเคราะห์ นำเสนอสินค้าบริการที่โดนใจลูกค้า นำไปสู่ความมีประสิทธิภาพและต้นทุนที่ต่ำลงในการปิดการขาย

นอกจากนี้ ต่อยอดการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคธุรกิจไทยด้วยโปรแกรม BLUE BADGE ในการให้ความรู้ที่หลากหลาย ทั้งในแง่ของสินค้า บริการ และทั้งในด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ การออกแบบร้านค้า การออกแบบการบริการ

Advertisment

อีกไฮไลต์สำคัญคือ เตรียมพัฒนาโซลูชั่นสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ NFT (Non-fungible Token) โดยไลน์ตั้งเป้าที่จะเป็นแพลตฟอร์มที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานให้กับองค์กรธุรกิจไทยที่จะเดินหน้าสู่การทำการตลาดด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล ทั้งในด้านการจัดหา creator ให้กับแบรนด์ และเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ในการใช้งาน NFT เพื่อธุรกิจ ( NFT for Business ) ด้วยการร่วมมือกับ LINE Consumer Business ที่เพิ่งประกาศทิศทางในการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรม NFT อย่างเต็มรูปแบบ

สำหรับปี 2564 ที่ผ่านมาภาคธุรกิจปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัลเพิ่มขึ้น สะท้อนจากยอดการใช้งานบริการดิจิทัลผ่าน LINE API (บริการตอบโต้ลูกค้าทันที โดยสามารถนำเสนอข้อมูลของสินค้าบริการรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งวิดีโอ ข้อความ โดยไม่ต้องมีแอดมิน) เติบโตขึ้นถึง 47% หรือคิดเป็น 69,000 ล้านการดำเนินการ

Advertisment

จากปี 2563 ที่มี 46,000 ล้านการดำเนินการ โดยกลุ่มสินค้าหรูเป็นกลุ่มที่มีการใช้งานไลน์เติบโตสูงที่สุดถึง 200% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่คุ้นชินกับการซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มากขึ้น

ส่วนกลุ่มที่มีการใช้บริการผ่าน Line OA (Line Offical Account) มากที่สุด 3 อันดับแรก คือ กลุ่มภาครัฐและบริการสาธารณะ กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มท่องเที่ยว