“ตองยี” ดึงทุนเชียงรายลงทุนเว้นภาษี 7 ปี

ศูนย์ธุรกิจ - หอการค้าจังหวัดเชียงรายได้นำนักธุรกิจกว่า 40 คนเดินทางไปเมืองตองยี ซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐฉาน ประเทศเมียนมาซึ่งพบว่าศูนย์ธุรกิจเมืองตองยียังมีความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคของไทยค่อนข้างมาก

40 นักธุรกิจเชียงรายยกทัพบุก “ตองยี” เมียนมา สำรวจลู่ทางขยายการค้าจูงใจลงทุน 150 ล้านบาท ยกเว้นภาษีเงินได้ 5-7 ปี เผยเร่งพัฒนา “สนามบินเฮโฮ” เป็นสนามบินนานาชาติใน 2 ปี

นายอนุรัตน์ อินทร ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ล่าสุดทางคณะหอการค้า จ.เชียงราย ได้นำภาคเอกชนและนักธุรกิจกว่า 40 ราย เดินทางไปเยือนเมืองตองยี ซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐฉาน ประเทศเมียนมา เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่เคยไปลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ในการพัฒนาร่วมกับ จ.ท่าขี้เหล็ก ตองยี มูเซ และหาลู่ทางลงทุนการจับคู่ทางธุรกิจ รวมทั้งการผลักดันเส้นทางการบินเชื่อมกันระหว่างท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย กับสนามบินเฮโฮ ซึ่งเป็นสนามบินหลัก ทั้งนี้ทางคณะหอการค้าได้มีโอกาสหารือกับนายซอ ยุ้น หลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและเศรษฐกิจรัฐฉาน ทำให้ได้รับทราบว่าปัจจุบันรัฐบาลกลางเมียนมาได้อนุมัติสนามบินเฮโฮให้เป็นสนามบินนานาชาติแล้ว โดยอยู่ระหว่างขยายทางวิ่ง อาคารที่พักผู้โดยสาร ระบบต่าง ๆ ฯลฯ ภายใน 1-2 ปีนี้ รวมทั้งมีการสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่รองรับ ส่วนด้านการค้าการลงทุนนั้น ทางรัฐฉานยินดีต้อนรับนักธุรกิจไทย หากโครงการลงทุนมีมูลค่าไม่เกิน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 150 ล้านบาท ทางรัฐฉานมีอำนาจในการอนุมัติโครงการได้โดยตรง และที่น่าสนใจคือนักลงทุนใหม่จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นระยะเวลา 5-7 ปี แล้วแต่ประเภทธุรกิจด้วย

นอกจากนี้ ทางหอการค้าตองยีได้พาเยี่ยมชมศูนย์ธุรกิจเมืองตองยี ซึ่งเป็นแหล่งรวมสินค้าต่าง ๆ ทำให้พบว่าตลาดรัฐฉานมีความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงอาหารทะเลแช่แข็ง และยังขาดเทคโนโลยีเรื่องการแช่แข็งด้วย หมอนและที่นอนจากยางพารา ธุรกิจด้านความงาม ร้านอาหาร นวัตกรรมการเกษตร ปุ๋ย โฟมซีเมนต์ การจัดการอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ ซึ่งหอการค้าตองยีได้เชิญชวนให้นักธุรกิจไทยไปร่วมลงทุน ซึ่งในการหารือนักธุรกิจไทยและรัฐฉานครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เพราะได้เริ่มมีการแยกไปหารือเรื่องการลงทุนเป็นกลุ่มย่อยแล้ว

นายอนุรัตน์กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันรัฐฉานได้สร้างศูนย์ธุรกิจเมืองตองยีตั้งอยู่ใกล้ตัวเมือง มีการจำหน่ายสินค้า มีที่พักอาศัย คอนโดมิเนียม โกดัง ลานจอดรถบรรทุก อาคารพาณิชย์ ฯลฯ ให้ได้เลือกลงทุนครบครัน ขณะเดียวกันทางคณะหอการค้าได้ไปชมนิคมอุตสาหกรรมเอตาย่า ซึ่งเป็นแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้า และมี เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี ได้เข้าไปลงทุนโรงงานผลิตอาหารสัตว์จากข้าวโพดโดยมีไซโลขนาดใหญ่ โรงงานผลิตผักปลอดสารพิษอบแห้งเพื่อส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น ฯลฯ ซึ่งนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวก็ยังคงเปิดกว้าง เพื่อให้นักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ

ในการไปเยือนครั้งนี้ได้มีการสำรวจเส้นทางต่าง ๆ พบว่า ที่ผ่านมาสินค้าอุปโภคบริโภคจะใช้การขนส่งจาก อ.แม่สอด จ.ตาก เข้าไปยังถนนสายเมียวดี-มัณฑะเลย์ ทำให้ในอนาคตหากมีการพัฒนาถนนสายท่าขี้เหล็ก-เชียงตุง-ตองยี จะเป็นช่องทางส่งออกสินค้าไทยได้อีกช่องทางหนึ่ง นอกจากนี้ พบว่าเส้นทางที่สะดวกที่สุดในการไปเยือนรัฐฉานตอนนี้ คือการบินจากสนามบินท่าขี้เหล็กตรงกันข้าม อ.แม่สาย สามารถใช้เครื่องบินปีกใบพัดหมุนขนาด 80 กว่าที่นั่งไปยังสนามบินเฮโฮใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เพราะเส้นทางทางบกยังไม่มีการพัฒนา และคดเคี้ยวไปตามภูเขา ทำให้ต้องใช้เวลาไป 2-3 วัน ขณะที่สนามบินเฮโฮนั้นใช้เวลาน้อย และจากสนามบินเดินทางไปยังตัวเมืองตองยีมีถนน 4 ช่องจราจร ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร

“ปัจจุบันมีอย่างน้อย 2 สายการบินที่สนใจจะบินเชื่อมระหว่างเชียงราย-ตองยี โดยอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อเปิดปฐมฤกษ์ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งหากมีเส้นทางการบินเชื่อมกันจะเป็นการนำร่องไปสู่การค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวระหว่างภาคเหนือของไทยและรัฐฉานได้มากขึ้น และยังสามารถเชื่อมโยงเป็นการท่องเที่ยวระหว่างต่างประเทศ-เชียงราย-ตองยี เป็นแบบรูชทัวร์ครบเส้นทาง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการท่องเที่ยวในภูมิภาค” นายอนุรัตน์กล่าวและว่า

น.ส.ผกายมาศ เวียร์ร่า รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่า รัฐฉานถือว่ามีความสำคัญต่อเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศกับประเทศไทยอย่างมาก เพราะมีจุดผ่านแดนถาวรที่ติดกับประเทศไทยเพียงจุดเดียวคือจุดผ่านแดนถาวร จ.ท่าขี้เหล็ก ติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยมีมูลค่าการค้าชายแดนมูลค่ามหาศาล และปัจจุบันยังมีด่านการค้าระหว่างรัฐฉาน-จีนตอนใต้ คือด่านมูเซกับด่านรุ่ยลี่ ประเทศจีน ดังนั้น หากมีเส้นทางคมนาคมด้านต่าง ๆ สะดวกจะเป็นช่องทางที่ทำให้สามารถขยายไปสู่การค้าการลงทุนกันได้อีกมาก แม้แต่ในปัจจุบันแม้การคมนาคมไม่สะดวก แต่นายซอ ยุ้น หลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและเศรษฐกิจรัฐฉาน แจ้งว่าหากนักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนด้วยมูลค่าไม่เกิน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทางรัฐฉานสามารถอนุมัติเองได้ภายใน 30 วัน โดยสิ่งที่รัฐฉานต้องการมากคือ กิจการด้านการเกษตร นักลงทุนด้านการเกษตรแปรรูป โรงแรม โรงพยาบาล ฯลฯ และได้ตื่นตัวด้านการเชื่อมโยง จึงได้มอบหมายให้หอการค้าตองยีทำหน้าที่ประสานกับหอการค้า จ.เชียงราย เพื่อติดตามความคืบหน้าการเปิดเส้นทางการบินเชียงราย-ตองยีแล้วอย่างต่อเนื่องด้วย