ตรังเจียรนัย “ชุมชนตะเหมก” เปิดแหล่งเที่ยวใหม่

ตรัง เจียรนัย “ชุมชนตะเหมก” เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ภายใต้คอนเซ็บ “ตะเหมกในฝัน สวรรค์นาโยง” สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติสุดฟิน พร้อมที่พักโฮมสเตย์แบบวิถีบ้านๆ ชิมอาหารพื้นถิ่น 1 สำรับ 5 เมนู สร้างความหลากหลายดึงดูดนักท่องเที่ยว มั่นใจจะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย

นายธนายุทธ นิตมา กำนันตำบลละมอ ต.นาโยง จ.ตรัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ชาวบ้านตำบลนาโยง ได้ร่วมกันพัฒนาชุมชนตะเหมก ม.9 ต.ละมอ อ.นาโยง จ.ตรัง ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนนวัตวิถี ทั้งนี้เนื่องจากชุมชนตะเบิก เป็นชุมชนที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม มีหุบเขารายรอบ พร้อมลำคลองไหลผ่าน บรรยากาศสวยงามตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะในยามเช้าเหมือนอยู่ในม่านหมอก ตลอดจนมีแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถพัฒนาให้มีความสวยงามต้อนรับนักท่องเที่ยวได้อย่างหลากหลาย

นายธนายุทธ บอกว่า คำว่า “ตะเหมก” นั้น มาจากคำว่า เมฆ คือสูงถึงเมฆทีนี้คำพูดภาษาของชาวบ้านก็เพี้ยนมาเรื่อยๆจนกลายเป็นตะเหมก เพราะฉะนั้นความเก่าแก่ของชุมชนตะเหมกเราค้นคว้าตามประวัติศาสตร์มีมานานถึง 300 ปี และสมัยนั้นมีหลักฐานร่องรอยด่านศุลกากรของตะเหมกฝั่งพัทลุงมาจังหวัดตรัง มีการติดต่อการค้าขาย โดยเฉพาะวัว ควาย ฝั่งพัทลุงก็นำมาขายยังตรัง ตามข้อมูลที่เราศึกษามานั้นนายเอียดตุ้น นั้นเป็นนายด่านเพราะฉะนั้นนายเอียดตุ้นเป็นต้นตระกูลของตะเหมกมาจนจวบปัจจุบันนี้

“ชุมชนตะเหมก สัมผัสกับวิถีธรรมชาติมาช้านาน พอมาถึงปัจจุบันเราก็มีโครงการ OTOP นวัตวิถีของบ้านตะเหมก ที่เราได้ตรงนี้เพราะเราสัมผัสกับธรรมชาติมาโดยตลอดแและดั้งเดิมมีต้นทุนทางธรรมชาติสูง ก็ถือว่าเป็นจังหวะโอกาสดีที่ทางกรมพัฒนาชุมชนได้พิจารณาบ้านตะเหมกให้ได้รับโครงการงบประมาณเพื่อต่อยอดเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวโอท็อปนวัตวิถี และเราก็พัฒนาเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์คนรักธรรมชาติมาโดยตลอด ซึ่งก็ได้ความนิยมจากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”

นายธนายุทธ กล่าวว่า สำหรับบ้านตะเหมก มีครัวเรือนทั้งหมด 153 ครัวเรือน ประชากร 472 คน ทั้งนี้สถานที่ท่องเที่ยวของชุมชนตะเหมก มีหลายอย่างด้วยกัน ได้แก่ น้ำตกธรรมชาติ มีต้นน้ำที่เป็นแหล่งกำเนิดน้ำลำธารไหลผ่านหมู่บ้าน มีค่ายประวัติศาสตร์การต่อสู้ของพรรคคอมมิวนิสต์ และก็มีบ่อดินดำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือมาตั้งแต่บรรพบุรุษมาอย่างยาวนาน และยังมีศูนย์เรียนรู้ทรัพยากรดินน้ำป่าเพื่อได้มาศึกษาวิถีธรรมชาติ ภายในศูนย์เรียนรู้ทรัพยากรดินน้ำป่าก็ได้ให้ความรู้ด้วยการเล่าเรื่องของคนในชุมชน ซึ่งคนในชุมชนมาเป็นวิทยากร

นายธนายุทธกล่าวต่อไปว่า ในส่วนนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งมาจากหลายประเทศ เช่น อเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมัน โปรตุเกส เบลเยี่ยม ญี่ปุ่นฯลฯ เขามาแล้วเขาก็ติดใจกลับมาอีก เนื่องจากที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์มากกว่าที่อื่น และยังมาสอนแลกเปลี่ยนภาษาให้กับเด็กๆในพื้นที่อีกด้วย ก็ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะทำให้เกิดการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ เพื่อเตรียมพร้อมเปิดชุมชนสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และพร้อมรับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศอีกทางหนึ่ง

“นักท่องเที่ยวที่มาพักและท่องเที่ยวในชุมชนตะเหมก จะได้สัมผัสบรรยากาศยามเช้าที่มีอากาศเย็นสบาย พร้อมที่พักโฮมสเตย์แบบบ้านๆ ที่ชาวบ้านเข้ามาร่วมกันเปิดกว่า 10 ครอบครัว สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ถึง 100 คน ทั้งนี้จะดูแลโดยชาวบ้านในชุมชน ซึ่งบริเวณรอบโฮมสเตย์มีพืชผักที่ปลูกไว้หลากหลายชนิดล้วนนำมาทำอาหารบ้านที่ปลอดสารพิษได้อย่างดีทีเดียว และชาวบ้านได้มีการนำเที่ยวในชุมชนตามแต่ละหมู่บ้านในพื้นที่จะพบเห็นต้นไม้ที่ให้ร่มเงาตลอด 2 ข้างทาง และความเป็นอยู่ของชาวบ้านในพื้นที่ที่จะสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะหมอกในยามเช้า จะกระจัดกระจายอยู่ตามบริเวณสวนยางพารา เมื่อมองลงมาก็จะเห็นทิวทัศน์ของภูเขาที่สัมผัสกับแสงอาทิตย์ขึ้นยามเช้า”

ทั้งนี้ บ้านของชาวบ้านแต่ละหลังปลูกดอกไม้ประดับไว้ริมทาง ออกดอกชูช่อสวยงามให้เก็บภาพกันอีกด้วย และยังมีสวนผลไม้ในพื้นที่ ได้แก่ ทุเรียน ลองกอง ลางสาด มังคุด โดยเราทำการท่องเที่ยวเชิงภาคเกษตรเที่ยววิถีชิมผลไม้ตามฤดูกาล นอกจากนี้ยังมีแม่น้ำลำคลองที่มีสายน้ำใสสะอาดไหลผ่าน ระหว่างทางก็จะเห็นต้นกล้วยหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า กล้วยป่า ขึ้นแซมตามสวนยางตามต้นไม้เป็นจำนวนมาก และในพื้นที่แห่งนี้ยังมีไผ่โป๊ะ ต้นไผ่ประจำถิ่นที่มีแต่ในตะเหมกเท่านั้นให้นักท่องเที่ยวได้ชมอีกด้วย

นายธนายุทธ กล่าวอีกว่า ถ้าหากนักท่องเที่ยวสนใจที่จะมาเที่ยวในชุมชนแห่งนี้นั้น เราได้มีการประชาสัมพันธ์ผ่านแอปพลิเคชั่น และแผ่นพับ หรือติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 0959719738 มาชมวิถีบ้านๆ โดยจะคิดราคาเริ่มต้นในราคา 250 บาทขึ้นไป พร้อมอาหาร 1 มื้อ แต่ถ้ามาเป็นกรุ๊ปทัวร์ก็จะราคาแตกต่างกันไปอีก เฉลี่ยต่อคนราคา 700 บาท จะมีที่พักและอาหารให้ 2 มื้อ ในส่วนของอาหารเราจะเน้นอาหารที่ดีต่อสุขภาพเป็นหลัก มีทั้งหมด 1 สำรับ 5 อย่างแถม 1 อย่าง

“อาหารมี แกงไก่บ้านหยวกกล้วยเทวดา น้ำพริกผักจิ้ม ปลาดุกทอด แกงเลียงลูกเทวดา ผักเหลียงผัดไข่ และกล้วยบวชชี พร้อมผักผลไม้หลากหลายชนิด ที่ชาวบ้านปลูกไว้กินเองปลอดสารพิษแน่นอน ส่วนที่ต้องหยวกกล้วยเทวดามีที่มาก็คือเป็นของที่อยู่ในธรรมชาติอยู่แล้วของชุมชน หากินที่อื่นไม่ได้ รับรองว่าได้มาแล้วติดใจ นอกจากนี้ในช่วงเช้ายังได้สัมผัสกับหมอกตามธรรมชาติ จึงนับได้ว่าที่แห่งนี่มีอากาศที่ดีที่สุดในจังหวัดตรังอีกด้วย” นายธนายุทธ กล่าว