ยักษ์ถุงมือยาง “ท้อปโกลฟ” พบติดโควิด 20 ราย เร่งตรวจคนงาน 2,000 คน

รง.ถุงมือยาง

ยักษ์ถุงมือยางมาเลซีย  “ท้อปโกลฟ เมดิคอล(ไทยแลนด์” จ.สงขลา พบพนักงานติดเชื้อโควิด 20 ราย เร่งตรวจคนงานอีก 2 พันคน

วันที่ 12 มิถุนายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดสงขลาว่า สถานการณ์การแพร่โควิด-19 ของจ.สงขลา ยังไม่นิ่ง และยังคงพบการระบาดของโควิด-19 ในกลุ่มใหม่ ๆเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดวานนี้ (11มิ.ย.64)เกิดการระบาดของโควิด-19 ที่เป็นคลัสเตอร์ใหม่ ที่บริษัท ท้อปโกลฟ เมดิคอล(ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานอุตสาหกรรมผลิตถุงมือยางทางการแพทย์ส่งออกรายใหญ่ของโลก สัญชาติมาเลเซีย

สำหรับโรงงานดังกล่าวตั้งอยู่ที่ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา พื้นที่รอยต่อกับชายแดนไทยมาเลเซีย รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย โดยพบพนักงานติดเชื้อโควิด-19 ที่ยืนยันแล้ว 20 คน จากพนักงานทั้งหมดในโรงงาน ซึ่งมีทั้งคนไทยและคนเมียนมา ประมาณ 2,000 คน

ทั้งนี้ การติดเชื้อภายในโรงงานดังกล่าวเริ่มจากตรวจพบพนักงานหญิงอายุ 27 ปี รายหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีกลุ่มพนักงานขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา บางส่วน รวมกันแล้ว 2 เคสนี้ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเกี่ยวข้องทั้งที่เป็นพนักงาน และไม่ใช่พนักงานติดเชื้อประมาณ 30 คน

นายแพทย์สุวัฒน์ วิริยพงษ์สุกิจ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา พร้อมทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุข ได้ลงพื้นที่ตรวจหาเชื้อกลุ่มเสี่ยงสูงประมาณ 900 คน
แยกเป็นพนักงานของโรงงาน 500 คน และชาวบ้านที่เป็นพ่อค้า แม่ค้า กลุ่มเสี่ยงที่อยู่ในไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้ออีกประมาณ 400 คน

นายแพทย์สุวัฒน์ เปิดเผยว่า จะเร่งตรวจเชิงรุกคลัสเตอร์โรงงานอุตสาหกรรมถุงมือยางแห่งนี้ ทั้งพนักงานและพ่อค้า แม่ค้า ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงและสัมผัสใกล้ชิด เนื่องจากพนักงานส่วนใหญ่พักอยู่ในเขตเทศบาลตำบลสำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา และออกไปซื้อข้าวซื้อของตามร้านค้าต่าง ๆ จึงต้องเร่งคัดกรองกลุ่มที่มีโอกาสสัมผัสกับผู้ป่วยมากที่สุดเพื่อป้องกันการระบาด

ในขณะที่ทางโรงงานผลิตถุงมือยางท้อปโกลฟ หลังพบพนักงานติดโควิด-19 ก็ออกมาตรการควบคุมและป้องกันทันที เช่น พนักงานคนไทย รายเดือนและรายวัน ห้ามเข้ามาทำงานที่บริษัท โดยเด็ดขาด เบื้องต้น ระยะเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 11-18 มิถุนานายน 64 ยกเว้นพนักงานบางรายที่ต้องเข้ามาเคลียร์งาน ให้เข้ามาเฉพาะวานนี้(11มิ.ย.64) และมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 พนักงานทุกคนทั้งคนไทยและต่างด้าว และหลังตรวจให้กลับไปกักตัวที่บ้าน และห้ามพนักงานทุกคน ที่พักอยู่หอพักภายในบริษัท ออกนอกรั้วบริเวณหอพักอย่างเด็ดขาด

ส่วนพนักงานรายเดือน ที่พักบ้านพักบริษัทภายนอก และมีสมาชิกในครอบครัวที่สัมผัสใกล้ชิด และพนักงานที่มีความเสี่ยงต่ำให้กักตัวที่โรงแรมที่จัดไว้ โดยพนักงานที่บริษัทสั่งการให้หยุดทำงานเป็นเวลา 7 วัน

สำหรับภาพรวมสถานการณ์โควิด-19 จ.สงขลา วันที่ 11 มิถุนายน 2564 เวลา 12.00 น. พบผู้ป่วยเพิ่มจำนวน 246 คน ในจังหวัด 70 คน ซึ่งอยู่อันดับ 6 ของประเทศ อยู่ในเรือนจำ 175 คน และต่างประเทศ 1 คน ยอดผู้ป่วยสะสมรวม จำนวน 2,366 คน เสียชีวิต 12 คน รักษาหายกลับบ้านแล้ว 1,416 คน รักษาตัวในโรงพยาบาล จำนวน 938 คน.

นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ประธานการประชุมหารือซักซ้อมบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีนางสุรียพรรณ์ ณ สงขลา นายวรณัฎฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายจรัญ จันทรปาน ปลัดจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนายอำเภอ ทั้ง 16 อำเภอ ในจังหวัดสงขลา เข้าร่วมประชุมหารืออย่างพร้อมเพรียง

โดยการประชุมวันนี้(12 มิ.ย.64) จังหวัดสงขลาได้ร่วมหารือการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กับนายอำเภอ ทั้ง 16 อำเภอในจังหวัดสงขลา ซึ่งมีประเด็นหลักๆ อาทิ ให้นายอำเภอทุกอำเภอกำชับการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ให้เข้มงวดขึ้น ทั้งเรื่องการลักลอบจัดกิจกรรมที่จังหวัดห้ามในช่วงสถานการณ์โควิด-19

ไม่ว่าจะเป็น การจัดเลี้ยงที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก การขายสุราหรือสิ่งมึนเมาในร้านอาหาร และ นั่งดื่มในร้าน การฝ่าฝืนไม่สวมหน้ากากอนามัย และกำชับให้เข้มงวดการนั่งรับประทานอาหารในร้านให้เป็นปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ประเด็นการลักลอบเข้ามาในพื้นที่ของแรงงานต่างด้าว และเรื่องของการห้ามเคลื่อนย้ายแรงงาน โดยให้เน้นย้ำกับทางผู้ประกอบการให้จัดระบบแรงงานในปกครองให้ดีที่สุด เพื่อลดการแพร่ระบาด

นอกจากนี้ในที่ประชุมได้พูดถึงเรื่องของวัคซีนในจังหวัดสงขลา โดยทางจังหวัดเองได้หารือกับ ศบค.ชุดเล็ก ในการพลักดันให้จังหวัดสงขลาเข้าไปในกลุ่มจังหวัดท่องเที่ยวเพื่อจะได้รับวัคซีนเพิ่ม และสามารถทยอยฉีดให้ประชาชนได้รวดเร็วขึ้น ขณะเดียวกัน ศบค.ส่วนกลาง อนุญาตให้ท้องถิ่นสามารถจัดซื้อวัคซีนได้แล้ว ทั้งนี้หากระเบียบหรือเงื่อนไขของการจัดซื้อวัคซีนมีความชัดเจน ทางท้องถิ่นเองก็พร้อมจะดำเนินการจัดซื้อวัคซีน