“สหพัฒน์” ขยายฐานเมียนมา ค่าแรงถูก-เร่งเพิ่มกำลังผลิต

แฟ้มภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข่าว

“สหพัฒน์” เพิ่มน้ำหนักลงทุนเมียนมา ส่งบริษัทลูก “ธนูลักษณ์-วาโก้” ตั้งโรงงานใหม่ ปักธงเมือง “พะอัน” ฝั่งตรงข้ามเขตเศรษฐกิจแม่สอด รับโอกาสค่าแรงในเมียนมาที่ถูกกว่าไทยถึง 3 เท่า พร้อมขยายกำลังผลิตรับดีมานด์ในประเทศ-ตลาดส่งออก ภายในปี 2562 เตรียมขยายโรงงานมาม่าแห่งที่ 2 ปักธงมัณฑะเลย์

นายสุชาติ ลายลักษณ์ศิริ กรรมการบริหาร บริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน) ในเครือสหพัฒน์ ผู้ผลิตเครื่องแต่งกายแฟชั่น อาทิ แอร์โรว์, กี ลาโรช ฯลฯ กล่าวว่า กลุ่มบริษัทธนูลักษณ์และวาโก้ซึ่งเป็นบริษัทในเครือสหพัฒน์ได้เข้าไปลงทุนตั้งโรงงานแห่งใหม่ในเมียนมาช่วงปลายปีที่ผ่านมาเพื่อขยายกำลังการผลิต โดยตั้งอยู่ในพื้นที่ของรัฐพะอัน ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ไกลจากเขตเศรษฐกิจแม่สอด จังหวัดตาก มากนัก

โรงงานดังกล่าวจะใช้เป็นฐานของการผลิตสินค้า เช่น เสื้อเชิ้ต กางเกง และสินค้ากลุ่มเฮาส์แบรนด์ ฯลฯ ซึ่งในช่วงก่อนหน้ากลุ่มสหพัฒน์ได้ทยอยเข้าไปลงทุนตั้งฐานผลิตและโรงงานต่าง ๆ ในเมียนมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ โรงงานมาม่าที่ย่างกุ้ง และภายในปี 2562 เตรียมขยายโรงงานแห่งที่ 2 ไปยังมัณฑะเลย์ และยังมีโรงงานของวาโก้ ที่นิคมอุตสาหกรรมติละวา โดยการร่วมทุนกับพาร์ตเนอร์ญี่ปุ่น

“โรงงานใหม่ 2 แห่งที่เมืองพะอัน อยู่ในพื้นที่นิคมของกลุ่มสหพัฒน์ที่ได้เข้าไปตั้งสวนอุตสาหกรรมเอาไว้แล้ว เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตของสินค้าในปัจจุบัน และรับกับโอกาสที่ค่าแรงในเมียนมามีราคาต่ำกว่าในไทยถึง 3 เท่า แม้ว่าเมียนมาจะเพิ่งปรับค่าแรงขึ้นจาก 80 บาทเป็น 100 บาทต่อวัน เมื่อต้นปีที่ผ่านมาก็ตาม”

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโรงงานฐานผลิตปัจจุบันของบริษัทธนูลักษณ์ที่มี 4 แห่งในไทยนั้น ได้แก่ กรุงเทพฯ, กบินทร์บุรี, ลำพูน และบางพลี ก็ยังเดินหน้าผลิตสินค้าตามปกติ และส่วนใหญ่เป็นการผลิตเพื่อส่งให้กับบริษัท ไอ.ซี.ซี. จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัทธนูลักษณ์นั้น นโยบายใหม่ของประธานเครือสหพัฒน์ “บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา” ได้มีแนวทางให้ธนูลักษณ์เป็นผู้ผลิต จัดจำหน่าย และทำตลาดด้วยตัวเอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และความคล่องตัวในการทำธุรกิจ เพื่อรับกับภาพรวมของตลาดแฟชั่นในปัจจุบันที่แบ่งเป็นเซ็กเมนต์ย่อยมากขึ้น โดยทำการจัดตั้งฝ่ายขายและการตลาดขึ้นมาเมื่อปลายปีที่แล้ว และได้ขอสิทธิ์แบรนด์ “โอลิมป์” จากเยอรมนีนำร่องในบทบาทของการจัดจำหน่ายเป็นแบรนด์แรก

“ทิศทางของธนูลักษณ์ต่อจากนี้ จะเดินหน้าทั้งบทบาทของผู้ผลิต และการเป็นผู้จัดจำหน่ายและทำการตลาด โดยการคัดเลือกแบรนด์ใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพมาจัดจำหน่าย ซึ่งจะเน้นไปที่กลุ่มอินเตอร์แบรนด์จากยุโรป เนื่องจากคุณภาพและแนวทางการลงทุนของแบรนด์จากฝั่งตะวันตกที่หันมายังอาเซียนมากขึ้น เพราะขนาดของตลาดที่ใหญ่และเศรษฐกิจที่เติบโตสูง”

โดยแบรนด์โอลิมป์ เป็นแบรนด์เสื้อเชิ้ตผู้ชายอันดับหนึ่งในเยอรมนี มียอดขายต่อปีประมาณ 1 หมื่นล้านบาท มีความหลากหลายของดีไซน์ โดยช่วงแรกจะใช้การนำเข้า ทำให้ราคาต่อชิ้นอยู่ที่ประมาณ 1,700-2,500 บาท ก่อนมีแผนลงทุนด้านการผลิตเพื่อรองรับการขยายตัวในไทย ตลอดจนภูมิภาคอาเซียนภายในปี 2563 และจะขยายสาขาให้ครบ 30 สาขาภายใน 1-2 ปีจากนี้ ตลอดจนการเข้าไปจำหน่ายในช่องทางออนไลน์ ผ่านเฟซบุ๊กของแบรนด์ และคู่ค้าอย่างลุคซิ และลาซาด้า ตลอดจนอยู่ระหว่างการพูดคุยเพื่อให้ได้สิทธิ์ในการทำตลาดอาเซียน คาดว่า จะทำให้บริษัทมีการเติบโตขึ้น 6-7% ในปีนี้ แบ่งเป็นผลิตในประเทศ 65% และส่งออก 35%