“ดุสิตธานี” รุกธุรกิจอาหาร ซื้อบริษัทผลิต-ส่งออกมูลค่า 660 ล้าน

“ดุสิตธานี” ขยายการลงทุนธุรกิจอาหารเต็มรูปแบบ ตั้งบริษัท “ดุสิต ฟู้ดส์” ประเดิมเข้าซื้อหุ้น 26% บริษัท “เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์” ผู้ผลิตและส่งออกอาหารแห้ง-เครื่องปรุงรส ด้วยมูลค่า 660 ล้านบาท ชี้เป็นการลงทุนนอกธุรกิจโรงแรมครั้งแรก ตอกย้ำกลยุทธ์สร้างรายได้เสริมกระจายความเสี่ยง

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DTC เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทได้มีมติจัดตั้งบริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด เพื่อขยายการลงทุนธุรกิจอาหารครบวงจร ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักของดุสิตธานี และเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ โดยหลังดำเนินการจัดตั้งบริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด เรียบร้อยในเดือนมีนาคมนี้ บริษัทจะเข้าซื้อหุ้นในบริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (NRIP) ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าที่เป็นอาหารแห้ง ส่วนผสมของอาหาร และเครื่องปรุงรสต่าง ๆ

โดยลูกค้าเป็นบริษัทข้ามชาติชั้นนำในประเทศ และลูกค้าในยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย ตลอดจนผลิตและจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ของตนเอง อาทิ พ่อขวัญ, Lee, Thai Delight, DEDE, และ Shanggie โดยบริษัทดุสิต ฟู้ดส์ จะเข้าถือหุ้นในสัดส่วนประมาณ 26% คิดเป็นมูลค่าลงทุนประมาณ 660 ล้านบาท

สำหรับการลงทุนในธุรกิจอาหารครั้งนี้ นับเป็นการลงทุนนอกธุรกิจโรงแรมเป็นครั้งแรกของดุสิตธานี และเป็นการขับเคลื่อนการลงทุนต่อเนื่องจากโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสม (mixed-use project) ซึ่งเป็นการตอกย้ำกลยุทธ์ทั้ง 3 ด้านของดุสิตธานีที่วางไว้ คือการขยายการเติบโต การกระจายความเสี่ยง และสร้างความสมดุล เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับบริษัทในระยะยาว

“เรามองเห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจอาหาร ซึ่งจะช่วยสนับสนุนและเอื้อกับธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี เพราะดุสิตธานีมีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้อยู่เดิม โดยการเข้าลงทุนในบริษัทเอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ นอกจากจะสร้างรายได้เพิ่มเติมในอนาคตให้กับดุสิตธานีแล้ว ยังสามารถต่อยอดในการผลิตสินค้าและอาหารที่ได้คุณภาพและมาตรฐานภายใต้แบรนด์ดุสิตให้ออกสู่ตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยอาจจะดำเนินการพัฒนาแบรนด์ร่วมกันระหว่างดุสิต ฟู้ดส์ และ NRIP ในอนาคต ซึ่งบริษัทจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบต่อไป” นางศุภจีกล่าวและว่า

Advertisment

ทั้งนี้ บริษัทยังได้เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำปี 2560 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 5,570 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% และมีกำไรสุทธิ 267 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 134% จากปีก่อน โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.158 บาทต่อหุ้น