“ชิเซโด้” ทุ่ม 3 แสนล้านเยน ยึดตลาดความงามเอเชีย

คอลัมน์ Market Move

เครื่องสำอางและสินค้าความงามของญี่ปุ่นได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในประเทศและชาวจีนแผ่นดินใหญ่อย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายแบรนด์เริ่มหันมาโฟกัสตลาดนอกประเทศมากขึ้น หวังสร้างรายได้และเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ในเวทีโลก โดย “ชิเซโด้” เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เริ่มปรับตัวรุกตลาดอื่น ๆ มากขึ้น นอกเหนือจากจีนที่ดีมานด์สูงอยู่แล้ว เพื่อบาลานซ์แหล่งรายได้ของตนไม่ให้พึ่งพิงตลาดใดมากเกินไป พร้อมกับเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างอีคอมเมิร์ซตามเทรนด์ของตลาด

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า “ชิเซโด้” ยักษ์สินค้าความงามสัญชาติญี่ปุ่นได้ประกาศแผนระยะ 3 ปี (2561-2563) ฉบับใหม่ออกมา ซึ่งมีการลงทุนหลายด้านรวมเม็ดเงินกว่า 3 แสนล้านเยนทั้งเพิ่มกำลังผลิตเพื่อให้สอดรับกับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น รุกอีคอมเมิร์ซตามเทรนด์ของผู้บริโภค วิจัยพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ และปั้นบุคลากรท้องถิ่นสำหรับทำตลาดต่างประเทศ รวมถึงเพิ่มงบฯการตลาดต่อเนื่องทั้งออนไลน์และออฟไลน์

โดยมุ่งเป้าใช้เม็ดเงินเหล่านี้ในส่วนอื่น ๆ ของเอเชียนอกจากประเทศจีนและญี่ปุ่น เพื่อลดการพึ่งพารายได้จากแดนมังกรและประเทศบ้านเกิด ตามแผนสร้างความมั่นคงทางรายได้ในระยะยาว ด้วยการเติบโตมากกว่า 8% ต่อปีต่อเนื่อง 3 ปีจนยอดขายแตะ 1.2 ล้านล้านเยนในปี 2563 หลังจากสามารถบรรลุเป้า1 ล้านล้านเยนเมื่อปีที่แล้ว

โดยการเพิ่มกำลังผลิตเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลัก ด้วยเม็ดเงินลงทุนถึง 1.3 แสนล้านเยน เพื่อขยายกำลังผลิตทั้งของโรงงานที่มีอยู่เดิมและสร้างโรงงานใหม่เพิ่มอีก รวมถึงเพิ่มเครือข่ายขนส่งสินค้าให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น หลังจากประกาศสร้างโรงงานใหม่ 2 แห่งในจังหวัดโทชิกิและโอซากาไปก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อรองรับดีมานด์และขนาดตลาดที่จะขยายขึ้นต่อเนื่องตามแผนเพิ่มความเข้มข้นในตลาดเอเชีย

Advertisment

ตามด้วยการเพิ่มงบฯการตลาดระยะเวลา 3 ปีอีก 1.2 แสนล้านเยน เพื่อโปรโมตแบรนด์ ELIXIR, ANESSA, SENKAและ INTEGRATE ในตลาดจีนและเอเชียจากเดิมวางขายเฉพาะในญี่ปุ่น รวมถึงการโฆษณาและจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายสำหรับสินค้าอื่น ๆ ในพอร์ตโฟลิโอ ขณะเดียวกันเตรียมอัพเกรดด้านไอทีและอีคอมเมิร์ซรับเทรนด์ของตลาด โดยใช้งบฯ2.7 หมื่นล้านเยน พัฒนาอินฟราสตรักเจอร์ภายในองค์กร เช่น ลดความซับซ้อนของการบริหารระหว่างบริษัทแม่ในญี่ปุ่นกับออฟฟิศในประเทศต่าง ๆ และเดินสายจับมือเป็นพันธมิตรกับบรรดาผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ทั่วโลก เพื่อขยับสัดส่วนรายได้จากช่องทางออนไลน์ขึ้นอีกเกือบเท่าตัวจาก 8% เมื่อปีที่แล้วเป็น 15% ในปี 2563

ในส่วนของช่องทางออฟไลน์ เตรียมอัพเกรดและขยายจำนวนเคาน์เตอร์เครื่องสำอางในช่องทางค้าปลีก คาดว่าจะใช้งบฯลงทุนต่อเนื่องกว่า 5.7 หมื่นล้านเยน ขณะเดียวกันเร่งกู้วิกฤตในตลาดสหรัฐซึ่งยังขาดทุนอยู่ด้วยการขยายร้านสาขาในแบรนด์ bareMinerals ที่ทำยอดขายได้ดี และเน้นช่องทางออนไลน์มากขึ้น

Advertisment

นอกจากนี้เตรียมใช้งบฯ 3% ของยอดขายหนุนการวิจัยพัฒนาและเพิ่มจำนวนบุคลากรด้านนี้เป็น 1,500 คน สำหรับสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆอาทิ ผิวเทียม และโนว์ฮาวด้านการฟื้นฟูสภาพผิวและเส้นผม รวมถึงสินค้าความงามอื่น ๆเพื่อขยายตลาดและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยมีศูนย์วิจัยและพัฒนาที่โยโกฮามา ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในเดือน ธ.ค. 2561 นี้เป็นฮับใหญ่ของบริษัท

พร้อมกับเปิดศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรคู่กับสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคและลอนช์โปรแกรมฝึกอบรมใหม่ ๆ ทั้งด้านการบริหารจัดการและภาษาเพื่อเสริมแกร่งการทำตลาดในแต่ละภูมิภาค ด้วยงบฯ 1.4 หมื่นล้านเยน

ความเคลื่อนไหวนี้ฉายแววถึงการแข่งขันในตลาดสินค้าความงามของภูมิภาคเอเชียที่จะทวีความเข้มข้นขึ้นอีก