บริกซ์แลนด์ สวนสนุกน้องใหม่ ปักหมุด ’ไอคอนสยาม’ สาขาแรกในไทย

บริกซ์แลนด์

บริกซ์แลนด์ (BrixLand) สวนสนุกในร่มน้องใหม่ จากประเทศอังกฤษ ร่วมชิงก้อนเค้กตลาดสวนสนุกในร่ม 1,000 ล้านบาท ปักหมุด ‘ไอคอนสยาม’ สาขาแรกในไทย พร้อมชูจุดต่างด้านคุณภาพ-ความปลอดภัย ปี 67 เตรียมเปิดเพิ่มอีก 3 สาขา ทั้งกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด และภายใน 3-5 ปี วางเป้าขยายครบ 10-15 สาขา

วันที่ 15 ธันวาคม 2566 นางสาว ลอล่า ยังค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริกซ์แลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจสวนสนุกในร่มยังคงเติบโตต่อเนื่องปีละ 5-10% โดยมีมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 1,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตลาดที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับผู้ประกอบการหลายราย เนื่องจากในตลาดนี้ยังมีผู้เล่นน้อย หรือมีผู้เล่นหลักอยู่เพียง 2-3 ราย อาทิ Harbor Land คิซโทเปีย (Kiztopia) และ Playmondo เป็นต้น ทำให้ยังมีโอกาส และช่องว่างในการแข่งขันอยู่

ล่าสุด บริษัทฯ ได้ทุ่มงบลงทุนกว่า 10 ล้านบาท (รวมไลเซนส์) ดึงสวนสนุกในร่มอย่าง ‘บริกซ์แลนด์’ จากประเทศอังกฤษ เข้ามาเปิดในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ที่ ไอคอนสยาม บนพื้นที่กว่า 390 ตร.ม. เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ ได้รับสิทธิ์การบริหารเป็นระยะเวลา 5 ปี ซึ่งไทยถือเป็นประเทศที่ 2 ที่ได้นำบริกซ์แลนด์เข้ามาเปิดให้บริการต่อจากประเทศแคนาดา

“การเข้ามาทำตลาดสวนสนุกในร่มในครั้งนี้ เนื่องจากชอบพาหลานๆ ไปเที่ยวสวนสนุก และพบว่า สวนสนุกในร่มเมืองไทย ยังขาดสภาพแวดล้อมที่ดี โดยเฉพาะในเรื่องของความสะอาด รวมถึงของเล่นบางอย่างก็อาจจะดูไม่ปลอดภัย เช่น บริกซ์ ตัวต่อที่มีขนาดเล็ก อาจจะเป็นอันตรายต่อเด็กเล็กที่อาจจะกลืนลงคอไปได้ ซึ่งเชื่อว่าผู้ปกครองที่พาเด็กไปเล่นสวนสนุกในร่ม น่าจะเจอปัญหานี้เช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้จึงมองเห็นช่องว่างในการที่จะเข้ามาทำตลาดตรงนี้”

ซึ่งสวนสนุกบริกซ์แลนด์ จะมีความแตกต่างจากสวนสนุกอื่นๆ ซึ่งจะมีความโดดเด่นทั้งในเรื่องของการนำบริกซ์ขนาดใหญ่มารวมไว้ในสวนสนุกแห่งนี้กว่า 30,000 ชิ้น เพื่อให้เด็กได้เล่นอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ผ่าน “เซฟบริกซ์”

รวมถึงในส่วนของการดูแลทำความ ทางบริษัทก็จะมีคอยมีพนักงงานคอยดูแล และทำความสะอาดอยู่ตลอดเวลา

โดยผลตอบรับในช่วงเปิดไปประมาณ 10-12 วันที่ผ่านมา เรียกว่า อยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก ทุกวันนี้มีเด็กเข้ามาใช้บริการ 300 กว่าคนต่อวัน เป็นไปตามเป้าที่เราวางไว้ที่ประมาณ 300-400 คนต่อวัน และคาดว่าจะมีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 12 ล้านบาท

สำหรับค่าเข้าใช้บริการอยู่ที่ 199 บาทต่อชั่วโมง และ 250 บาทต่อ 150 นาที และ 450 บาทต่อการเล่นได้ทั้งวัน

สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดเพิ่มอีก 3 สาขา ได้แก่ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ห้างยูดีทาวน์ อุดรธานี และอยู่ระหว่างศึกษาอีก 1 สาขา โดยมองว่าจังหวัดที่จะไปต้องมีศักยภาพ ซึ่งที่มองไว้ก็อาจจะเป็นที่เซ็นทรัลภูเก็ต หรือ หาดใหญ่

“ซึ่งคาดว่าอีก 3 สาขาที่จะเปิดใหม่จะมาช่วยสร้างให้ธุรกิจเติบโตขึ้น โดยตั้งเป้ารายได้ต่อเดือนของ 3 สาขาใหม่อยู่ที่ 7-8 แสนล้านบาท”

ทั้งนี้ เพื่อต้องการสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ และเชื่อมโยงไปยังลูกค้าที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้าน

ซึ่งสอดคล้องกับแผนงานบริษัทในขณะนี้ที่อยู่ระหว่างขอลิขสิทธิ์เพิ่ม เพื่อที่จะขยายสาขาไปยังประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ภายใน 2-5 ปี โดยปัจจุบันก็มีห้างในประเทศดังกล่าวติดต่อเข้ามาเบื้องต้นแล้ว โดยเป็นส่วนใหญ่จะเป็น Shopping mall

และแผนระยะยาว 3-5 ปี ตั้งเป้าที่จะขยายสาขาให้ครบ 10-15 สาขา

นางสาว ลอล่า กล่าวทิ้งท้ายว่า ในส่วนของคู่แข่งทางธุรกิจ โดยส่วนตัวไม่ได้มองตรงนั้นเลย เพราะเราไม่เหมือนคนอื่น ซึ่งคนอื่นๆ ก็มีแบบรูปแบบของเขา ขึ้นอยู่กับว่าเด็กชอบแบบไหนก็จะเลือกแบบนั้นมากกว่า