ของดีราคาถูก…เร่เข้ามาๆ สหพัฒน์ เปิดแล้ว! “โคเมเฮียว” แบรนด์เนมมือ 2

เป็นตลาดที่โตเงียบ ๆ และโตเร็ว จนหลาย ๆ คนแอบอิจฉา สำหรับตลาดสินค้าแบรนด์เนมมือสอง ว่ากันว่า วันนี้ตลาดนี้ในเมืองไทยมีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านบาทไปแล้ว นี่ไม่นับรวมการ “ของหิ้ว” จากเมืองนอก และ การซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์

ที่สำคัญคือ ตลาดนี้นับวันตลาดก็ยิ่งจะเติบใหญ่ตามไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ทั้งกลุ่มวัยทำงานและนักศึกษาที่นิยมซื้อหาสินค้าแบรนด์เนมมือสองเพราะราคาถูกกว่าในช็อปถึง 30-70% ขณะที่สภาพก็ยังแจ่ม ใช้งานได้ดี และบางแห่งยังสามารถต่อรองราคาได้อีกด้วย ทำให้เกิดผู้เล่นหน้าใหม่ขึ้นเพียบ ทั้งร้านที่เป็นเชน หรือร้านเดี่ยวที่เปิดตามย่านสำคัญต่าง ๆ ทั้ง สีลม สาทร สยาม และยังไม่นับรวมช่องทางบนออนไลน์ที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด

หากพิจารณาลงไปในรายละเอียดจะพบว่า วันนี้ตลาดสินค้าแบรนด์หรูทั้งมือหนึ่งและมือสองในไทย ที่สูงถึง 2.18 แสนล้านบาท ตามข้อมูลของ Luxellence Center ซึ่งมูลค่าที่แตกต่างกันมากมายหลายเท่าตัวนี้ อีกด้านหนึ่งคงสะท้อนแสดงถึงศักยภาพการเติบโตของตลาดมือสองได้เป็นอย่างดี

ล่าสุด กลุ่มสหพัฒน์ ประกาศจับมือ “โคเมเฮียว” (Komehyo) เชนร้านแบรนด์เนมมือสองจากญี่ปุ่น เพื่อเอาใจบรรดาคนรักแบรนด์เนมแต่ไม่อยากจ่ายหนัก ด้วยการปักธงสาขาแรกในไทยที่ เซน@เซ็นทรัลเวิลด์ และเปิดออฟฟิศรับซื้อในอาคารสยามพิวรรธน์ ชั้น 28 เพื่อป้อนซัพพลายให้ร้าน โดยทดลองเปิดบริการมาตั้งแต่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมระดมสร้างการรับรู้และปลุกกระแสอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเพจเฟซบุ๊ก เฟซบุ๊กเมสเซนเจอร์และไลน์ ก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 29 พฤศจิกายน โดยมีโปรโมชั่นแจกกิฟต์โวเชอร์ 1,000 บาทให้กับลูกค้า สำหรับนำใช้ซื้อสินค้าในครั้งถัดไป

“ทาคุจิ อิชิฮาระ” ประธานของโคเมเฮียว กล่าวว่า ปัจจุบันอาจจะกล่าวได้ว่า ตลาดร้านสินค้าแบรนด์เนมมือสองในประเทศไทยยังไม่มีคู่แข่งรายใหญ่ นอกจากพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคนไทยที่มีความชื่นชอบสินค้าแบรนด์เนม รวมถึงคุ้นเคย-เชื่อมั่นในแบรนด์ญี่ปุ่นอยู่แล้ว จึงเป็นโอกาสดีที่จะขยายธุรกิจเข้ามาตามแผนเร่งขยายสาขาในต่างประเทศทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง

“โคเมเฮียว” เป็นเชนร้านสินค้าหรูมือ 2 รายใหญ่ของญี่ปุ่น ก่อตั้งเมื่อปี 2522 มีสำนักงานใหญ่ในนาโกยา ปัจจุบันมีสาขาในญี่ปุ่น 39 สาขา ต่างประเทศอีก 12 สาขา เป็น จีน 1 สาขา ไต้หวัน 3 สาขา ฮ่องกง 8 สาขา

ก่อนหน้านี้ “โคเมเฮียว” ยังมีความเคลื่อนไหวและอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการของคู่แข่งอย่าง “แบรนด์ ออฟ” (Brand Off) ที่มีสาขาในต่างประเทศ 23 สาขา อาทิ ฮ่องกงและไต้หวัน รวมถึงมีศูนย์ประมูลสินค้า 2 แห่ง หวังใช้เป็นทางลัดในการขยายตลาดต่างประเทศ

จากการตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า บริษัท สหโคเมเฮียว จำกัด จดทะเบียนขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2561 ด้วยทุนจดทะเบียน 135 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบธุรกิจการค้าของเก่า เช่น เครื่องประดับ กระเป๋า นาฬิกา เป็นต้น มีคณะกรรมการบริษัท 7 คน ประกอบด้วย บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา, วิชัย กุลสมภพ, วรยศ ทองตัน, ฮิเดโอะ ทาเคโอะ, ทาคุจิ อิชิฮาระ, ไทชิ นาคาทามิ และเซจิ อิชิฮาระ

จากการลงพื้นที่สำรวจ บรรยากาศภายในร้านพบ “โคเมเฮียว” พบว่า ได้รับความสนใจจากลูกค้าระดับหนึ่ง และมีลูกค้าแวะเวียนทยอยเข้าไปดูสินค้าเป็นระยะ ๆ โดยสินค้าหลัก ๆ ภายในแบ่งเป็นกระเป๋าและนาฬิกาแบรนด์หรู อาทิ แอร์เมส ชาแนล หลุยส์วิตตอง โรเล็กซ์ คาเทียร์ ฯลฯ สนนราคาสินค้าที่จำหน่ายในร้านมีระดับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทขึ้นไป

นอกจากการขายสินค้าแบรนด์เนมมือสองดังกล่าว สำหรับผู้ที่มีสินค้าแบรนด์เนม (มือหนึ่ง) อยู่ในครอบครอง และต้องการจะขาย “โคเมเฮียว” ก็มีบริการรับซื้อด้วยเช่นกัน โดยเพียงผู้ขายต้องลงทะเบียนนัดหมายผ่านเว็บไซต์ และในวันนัดจะต้องนำสินค้าและบัตรประชาชนมาด้วย เมื่อไปถึงให้โทร.แจ้งและบริษัทจะส่งเจ้าหน้าที่ไปต้อนรับเพื่อนำสินค้ามารับการประเมินราคา และหากตกลงราคากันได้เป็นที่พอใจ ร้านก็จะจ่ายเงินสดให้ทันทีในกรณีวงเงินไม่เกิน 1 แสนบาท หรือหากเกิน 1 แสนบาท ร้านก็จะโอนเข้าบัญชีเท่านั้น

หากย้อนกลับไปจะพบว่า ที่ผ่านมามีแบรนด์ต่างชาติพยายามรุกเข้ามา โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องธุรกิจสินค้ามือสอง เช่น “แบรนด์ออฟ โตเกียว” (Brand Off Tokyo) เชนร้านแบรนด์เนมมือสอง ท็อป 3 จากญี่ปุ่น ซึ่งมีสาขาในญี่ปุ่นกว่า 50 สาขา ฮ่องกง 8 สาขา และไต้หวัน 4 สาขา ได้เข้ามาจับมือกับบริษัท มันนี่ คาเฟ่ จำกัด เจ้าโรงรับจำนำ มันนี่คาเฟ่ ปิ่นคู่ ปักธงสาขาแรกในไทย

ที่สยามสแควร์ ซอย 3 เมื่อปีที่แล้ว ถึงวันนี้ แม้จะยังไม่ได้ขยายสาขาเพิ่ม แต่เดินหน้าทำตลาดอย่างคึกคักทั้ง เปิดบริการรับฝากขายฟรี จัดเวิร์กช็อปประเมินราคาสินค้าและขายสินค้าราคาพิเศษ รวมถึงการลอนช์โปรโมชั่นสินค้าราคาเดียว ผ่อน 0% นาน 3 เดือน เป็นต้น

ส่วนรายใหญ่อีกรายอย่าง “บุ๊คออฟ” (Book off) แม้จะยังไม่มีสาขาในไทย แต่ที่ผ่านมาได้เริ่มทำตลาดผ่านเว็บไซต์ และโซเชียลเน็ตเวิร์ก ด้วยคอนเทนต์ภาษาไทยแนะนำสาขาในประเทศญี่ปุ่นและสินค้าเด่น ๆ

จากดีมานด์สินค้าแบรนด์เนมที่มีสูงในทุกยุคทุกสมัย ใคร ๆ ก็อยากจะได้อยากเป็นเจ้าของ แต่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและเงินในกระเป๋ายังไม่เอื้อให้เอื้อมถึง ร้านขายสินค้ามือ 2 น่าจะเป็นทางเลือกที่น่าจะมีโอกาสไม่น้อยเลยทีเดียว