“อันเดอร์อาร์เมอร์” เปิดตำรารบ ส่งรองเท้าวิ่งราคาสบายกระเป๋า เริ่มต้นไม่ถึง 2 พันบาท เจาะตลาด รับเศรษฐกิจฝืด/ไวรัสโควิด-19 พร้อมอัพเกรดสาขาเดิม-เพิ่มสาขาใหม่ปักหมุดภูเก็ต-อีสาน หวังขยายฐานตลาดกลาง-แมส เปิดเกมบุกจัดอีเวนต์ออนกราวนด์เจาะกลุ่มนักวิ่ง-ออกกำลัง พร้อมโปรโมชั่นผ่อน 0%-แคชแบ็ก จูงใจ รับเศรษฐกิจ-ไวรัสระบาดมั่นใจปีนี้ฝ่ามรสุมได้ยอดขายโตไม่น้อยกว่า 30%
นางปริศนา ศิริสมถะ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยูเอ สปอร์ต ไทยแลนด์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ อันเดอร์อาร์เมอร์ ฉายภาพตลาดสินค้ากีฬาปีนี้ว่า ขณะนี้ตลาดมีความท้าทายสูงจากหลายปัจจัย อาทิ ไวรัสโควิด-19 ที่กระทบต่อการท่องเที่ยวและการจัดอีเวนต์กีฬาต่าง ๆ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจ ซึ่งต่างส่งผลกับบรรยากาศการจับจ่ายและกำลังซื้อของผู้บริโภค สะท้อนจากช่วงเดือนมกราคมถึงต้นกุมภาพันธ์จำนวนผู้ที่เข้ามาเลือกชมสินค้าในร้านแต่ละสาขาลดลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม จากนี้ไป หากไม่มีปัจจัยลบอื่น ๆ เพิ่มเข้ามาอีก เชื่อว่าบรรยากาศการจับจ่ายของผู้บริโภคน่าจะเริ่มฟื้นตัวได้ในช่วงเดือนพฤษภาคม เมื่อรวมกับกระแสสุขภาพและการออกกำลังที่ยังคงมาแรง และความต้องการชุดออกกำลังที่มีความเป็นแฟชั่นมากขึ้น จะช่วยหนุนดีมานด์สินค้ากีฬาได้
- มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล เปิดชื่อผู้ถือหุ้น-ผลประกอบการ
- เงินอุดหนุนบุตร 600 บาท เดือนพฤษภาคม 2567 เงินเข้าวันไหน เช็กที่นี่
- 10 พฤษภาคม 2567 ขึ้นทางด่วนฟรี 60 ด่าน
ช่วงนี้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์รับมือ โดยเน้นเพิ่มโอกาสขายให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นครอบคลุมไปถึงกลุ่มแมส-กลาง ด้วยการเพิ่มสินค้าราคาจับต้องง่ายให้มากขึ้น และปรับการตกแต่งร้านให้ดึงดูดผู้บริโภคได้ทุกกลุ่ม อบรมเทคนิคการขายให้พนักงาน รวมถึงเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มในต่างจังหวัด เช่นเดียวกับการจัดกิจกรรมต่อเนื่องทั้งเปิดตัวสินค้าใหม่, เวิร์กช็อป ฯลฯ เพื่อสร้างการรับรู้
“สินค้ากลุ่มราคาจับต้องง่ายที่จะเพิ่มขึ้นจะเน้นหนักในเซ็กเมนต์รองเท้า ด้วยราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 2 พันบาท รับดีมานด์ของกลุ่มแมส-กลาง ที่ต้องการความคุ้มค่า แบบรองเท้าคู่เดียวใช้ได้ทุกโอกาส ซึ่งจะเน้นส่งให้กับดีลเลอร์ที่มีกว่า 200 ราย เพื่อกระจายสินค้าให้กับกลุ่มเป้าหมายตามแผน รวมถึงยังช่วยกระตุ้นการขายรับมือสภาพเศรษฐกิจ-กำลังซื้อไปพร้อมกันด้วยการเพิ่มกลุ่มไลฟ์สไตล์ที่เน้นสีสันสดใสและดีไซน์ รวมถึงเน้นการนำสินค้ามามิกซ์แอนด์แมตช์เพื่อตอบโจทย์เทรนด์นิยมสินค้าแฟชั่นของผู้บริโภค”
นางปริศนากล่าวว่า สำหรับการปรับปรุงร้านนั้นจะปรับทั้งการตกแต่ง การโชว์สินค้าและไลน์อัพสินค้าเพื่อให้สอดคล้องกับแผนขยายกลุ่มลูกค้า เช่น ร้านระดับเทียร์ 2 อย่างสาขาเซ็นทรัลเวสต์เกต ที่เน้นรับผู้บริโภคระดับกลางจะนำไลน์อัพราคาจับต้องได้มาเป็นไฮไลต์ ขณะเดียวกันจะปรับสไตล์ของร้านโดยรวมทั้งในสาขาแบรนด์ช็อป และช็อปอินช็อปในเชนร้านกีฬาให้เข้ากับรสนิยมลูกค้าชาวไทยมากขึ้น เช่น เปลี่ยนธีมสี, เพิ่มแสงสว่าง และชูการมิกซ์แอนด์แมตช์สินค้าแต่ละไลน์-ระดับราคา หลังจากก่อนหน้านี้ทยอยปรับในบางสาขา เช่น สปอร์ตมอลล์สยามพารากอนไปแล้ว
“ที่ผ่านมา จากการเก็บข้อมูลของร้านพบว่าการตกแต่งตามแบบสาขาต่างประเทศนั้น ทำให้ร้านดูหรูหราเกินไปจนลูกค้าหลายคนไม่กล้าเข้า ปีนี้จึงต้องเร่งปรับใหม่”
พร้อมเดินหน้าขยายสาขาเพิ่ม โดยปีนี้เตรียมเปิดเพิ่ม 4 สาขา เป็นแบรนด์ช็อปในเซ็นทรัลภูเก็ต ช่วงไตรมาส 2 ตามด้วย ภาคอีสานอีก 1 แห่ง ช่วงไตรมาส 4 พร้อมกับเปิดช็อปอินช็อป 1 สาขา ที่เดอะมอลล์งามวงศ์วาน และเอาต์เลต ที่โครงการสยาม พรีเมี่ยม เอาต์เลต เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่
ส่วนด้านการตลาด บริษัทจะเน้นการนำฐานข้อมูลสมาชิกกว่า 4 หมื่นคน มาใช้สร้างแผนการตลาด อย่างการสื่อสาร-โปรโมชั่นเฉพาะบุคคลผ่านเอสเอ็มเอส เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจ รวมถึงกิจกรรมออนกราวนด์ให้ลูกค้าได้ทดลองสินค้า เช่น เวิร์กช็อปวิ่ง, จับมือกับยิม-ฟิตเนส เปิดตัวสินค้าใหม่ อย่างรองเท้ารุ่น HOVR ที่มีจุดขายเป็นการเชื่อมต่อกับแอปในสมาร์ทโฟน เพื่อบันทึกค่าการวิ่ง และโปรโมชั่นซัพพอร์ตกำลังซื้อ เช่น ผ่อน 0% และแคชแบ็ก เชื่อว่าการปรับตัวและเปิดสาขาเพิ่มในปีนี้จะช่วยให้ยอดขายเติบโตได้อย่างน้อย 30% ต่อเนื่องจากปีก่อนที่เติบโตกว่า 50% ต่อปี พร้อมกับจำนวนฐานสมาชิกเพิ่มขึ้นเท่าตัว
