การ์มิน ผุดกลยุทธ์ใหม่ หวังเขย่าบัลลังก์เจ้าตลาดสมาร์ทวอช

นาฬิกา Garmin

การ์มิน หนึ่งในรายใหญ่ของธุรกิจนาฬิกาออกกำลังหรือสปอร์ตวอช ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าจากกลุ่มเล่นกีฬา-ออกกำลังกายจริงจัง ไปยังกลุ่มแมสหรือผู้บริโภคทั่วไปที่สนใจสุขภาพ หรือใส่สมาร์ทวอชด้วยเหตุผลด้านแฟชั่น หวังชิงส่วนแบ่งเม็ดเงินจากเซกเมนท์สมาร์ทวอชที่ทั้งใหญ่และเติบโตรวดเร็วกว่าสปอร์ตวอช

ชูภาพสินค้าไลฟ์สไตล์

กลยุทธ์หลักของ การ์มิน ตามแผนนี้จะอยู่ที่การปั้นภาพลักษณ์ของนาฬิกาการ์มิน ให้เป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ที่คนรักสุขภาพทุกเพศ-วัยสามารถใส่ และใช้ประโยชน์จากฟังชั่นต่างๆ ได้ ไม่จำกัดเฉพาะการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา

ไฮไลท์ของกลยุทธ์นี้คือ การดึงตัว “นาย-ณภัทร เสียงสมบุญ” นักแสดงสังกัดช่อง 3 มีผลงาน อาทิ บท ปาล์ม ในภาพยนตร์ Friend Zone มาเป็นพรีเซนเตอร์คนแรกของการ์มินในประเทศไทย เพื่อสร้างการรับรู้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ช่วงอายุ 20-30 ปี มีไลฟ์สไตล์สนใจสุขภาพซึ่งเป็นเป้าหมายหลัก

ย้ำจุดแข็งแบ็ตอึด-ดีไซน์หลากหลาย

พร้อมสื่อสารย้ำจุดแข็งที่ยักษ์สปอร์ตวอชเชื่อว่าเหนือว่าคู่แข่ง อย่าง การชาร์จ 1 ครั้งใช้งานได้นานระดับสัปดาห์ และไลน์อัพหลากหลายทั้งดีไซน์และราคาที่มีตั้งแต่สไตล์สายคาดข้อมือราคาเริ่มต้น 3 พันบาท ไปจนถึงรุ่นดีไซน์คล้ายนาฬิกาหรูที่วางราคาระดับ 1 แสนบาท รวมถึงฟังชั่นสุขภาพครบวงจรทั้งวัดคุณภาพการนอน, การเต้นของหัวใจ, ความเครียด, ออกซิเจนในเลือดและอื่นๆ

ไกรรพ เหลืองอุทัย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท จีไอเอส จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์การ์มิน อธิบายว่า สมาร์ทวอชปัจจุบันมีจุดอ่อนด้านแบตเตอร์รี่ที่ใช้งานได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง ทำให้การใช้งานบางฟังชั่น เช่น วัดคุณภาพการนอน ยุ่งยากเพราะต้องชาร์จแบตทั้งก่อนนอน และหลังตื่นนอน
ขณะเดียวกันดีไซน์ยังไม่หลากหลาย จึงอาจไม่ตอบโจทย์การใช้งาน-รสนิยมลูกค้าบางกลุ่ม
จึงเป็นโอกาสของบริษัทที่จะส่งสินค้ารุกเข้าตอบโจทย์เหล่านี้

มั่นใจศัยภาพตลาดสมาร์ทวอช

ทั้งนี้ การ์มิน เปิดเผยว่า ตามข้อมูลของบริษัทวิจัย T4 ในระดับโลกตลาดแวร์เอเบิลหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบสวมใส่นั้น สปอร์ทวอชที่เป็นนาฬิกาสำหรับออกกำลังกายยังถือว่าเป็นเซกเมนต์ที่เล็กและเติบโตช้ากว่าสมาร์ทวอชที่มีโพซิชั่นเป็นสินค้าไลฟ์สไตล์มาก สะท้อนจากช่วงปี 2561-2562 สปอร์ทวอชเติบโต 13% และ 11% ในขณะที่สมาร์ทวอชเติบโต 37% และ 34% ตามลำดับ โดยคาดว่าปี 2563 นี้จะมีส่วนแบ่งตลาดแวเอเบิลถึง 48% สะท้อนถึงศักยภาพของเซกเมนต์นี้

การเติบโตนี้เชื่อว่าเป็นผลจากทั้งการระบาดของโรคโควิด-19 และเทรนด์สุขภาพที่มาแรงตลอดหลายปี ช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคสนใจและต้องการทราบข้อมูลสุขภาพของตนมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นคุณภาพการนอน ข้อมูลเกี่ยวกับหัวใจ การหายใจ ความเครียด ฯลฯ