สะเทือนวงการของเล่น “ฮัสโบร” จ่อซื้อกิจการ “แมทเทล”

คอลัมน์ MARKET MOVE

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากมหกรรมช็อปครั้งยิ่งใหญ่ในวันที่ 11 เดือน 11 หรือวันคนโสด ที่ทำยอดขายถล่มทลายสะเทือนวงการค้าปลีกแล้ว ยังมีอีกเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนวงการของเล่นโลกไม่แพ้กันเมื่อ “ฮัสโบร” (Hasbro) ผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจาก “เลโก้” (Lego) ได้เสนอซื้อกิจการ “แมทเทล” (Mattel) บริษัทผลิตของเล่นอันดับ 1 อีกครั้ง หากดีลนี้สำเร็จจะเกิดผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่ที่ครองลิขสิทธิ์สินค้ายอดฮิต ทั้งตุ๊กตาบาร์บี้ รถฮอตวีล มายลิตเติล โพนี่ เกมเศรษฐีโมโนโพลี่ ฯลฯ ไว้ด้วยกัน และจะมีอำนาจต่อรองในวงการสูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน

สำนักข่าว วอลล์สตรีต เจอร์นัล รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดกับดีลนี้ว่า ฮัสโบรได้ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการแมทเทลอีกครั้ง หลังเจรจาล้มเหลวมาหลายครั้งตลอดช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา โดยเงื่อนไขและรายละเอียดยังไม่เปิดเผย และทั้ง 2 ฝ่ายยังคงปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใด ๆ กับสื่อ

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์การลงทุนหลายรายในสหรัฐมองว่า ข้อเสนอล่าสุดนี้มีโอกาสสำเร็จมากกว่าทุกครั้ง เนื่องจากสภาพตลาดของเล่นในสหรัฐและทั่วโลกซบเซา จากกระแสอีคอมเมิร์ซและความนิยมของเล่นเทคโนโลยี จนก่อนหน้านี้ “ทอยส์ อาร์ อัส” (Toys”R”Us) เชนร้านของเล่นที่มีสาขาทั่วโลกต้องประกาศล้มละลาย เนื่องจากสูญเสียยอดขายให้กับอีคอมเมิร์ซอย่าง อเมซอน ไปอย่างต่อเนื่อง จนมีหนี้สินสะสมสูงถึง 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างพร้อมดำเนินกิจการตามปกติ

ส่วน “แมทเทล” แม้จะอยู่ในฐานะผู้ผลิต แต่ด้วยการที่มีสินค้าไฮไลต์เป็นตุ๊กตา ต้องเผชิญกับดีมานด์ที่ลดลงเพราะเด็กรุ่นใหม่หันไปนิยมเครื่องเกมและสมาร์ทโฟน-แท็บเลตแทน ส่งผลให้เฉพาะปีนี้ราคาหุ้นของบริษัทดิ่งลงไปแล้วกว่า 47% ทำสถิติต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2552 และเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ซีอีโอ “มาร์โก จอเจียดิส” ออกมาเตือนว่า รายได้ปีนี้จะต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ พร้อมกับประกาศงดจ่ายปันผล

ขณะเดียวกันความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงทิศทางของฮัสโบรที่เร่งเสริมพอร์ตโฟลิโอและแหล่งรายได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งการซื้อกิจการคู่แข่งและพยายามเจาะเข้าสู่แวดวงฮอลลีวูด เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างภาพยนตร์จากไลน์ของเล่น เช่นเดียวกับที่เคยประสบความสำเร็จจากซีรีส์ทรานส์ฟอร์เมอร์ ที่ผ่านมายักษ์ของเล่นรายนี้ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการธุรกิจต่าง ๆ มาแล้วหลายครั้ง อาทิ เสนอซื้อกิจการแมทเทลอย่างน้อย 2 ครั้งในปี 2539 และ 2558 แต่ไม่สามารถตกลงกันได้

นอกจากนี้เมื่อเดือน ส.ค. ยังเจรจาซื้อกิจการสตูดิโอ “ไลออนส์ เกต เอ็นเตอร์เทนเมนต์” (Lions Gate Entertainment) ผู้ผลิต-เผยแพร่ภาพยนตร์ดังอย่าง เดอะฮังเกอร์เกม, ลาลาแลนด์ และทไวไลท์ซาก้า รวมถึงเคยเจรจากับ “ดรีมเวิร์ค แอนิเมชั่น” (DreamWorks Animation) ผู้สร้างเชร็ค ในปี 2557 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นกัน

จนล่าสุดได้ผันตัวเป็นผู้ออกทุนสร้างภาพยนตร์แทน ประเดิมด้วยภาพยนตร์แอนิเมชั่น “มายลิตเติล โพนี่” ซึ่งบริษัทออกทุนทั้งหมด 100% และประกาศโรดแมปที่จะลงทุนผลิตภาพยนตร์ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจอเงิน จอแก้ว และดิจิทัลคอนเทนต์ ภายใต้แบรนด์ ออลสปาร์ค (Allspark) จากเดิมที่เข้าร่วมในด้านดีเวลอปเมนต์และมาร์เก็ตติ้งเท่านั้น

ความเคลื่อนไหวนี้น่าจะทำให้สายตาหลายคู่ทั้งในและนอกวงการ หันมาจับจ้องยักษ์อันดับ 2 ของวงการของเล่นกันอย่างใกล้ชิด พร้อมลุ้นผลการเจรจาระหว่าง 2 ฝ่าย ซึ่งหากตกลงกันได้ ยังต้องผ่านด่านการพิจารณาของรัฐบาลว่าเข้าข่ายผูกขาดธุรกิจหรือไม่อีกขั้นหนึ่ง