‘โอสถสภา’ เดินหน้าลงทุนลุยกัญชา-กัญชง

M150

“โอสถสภา” โกยยอดขาย 9 เดือนแรก ทะลุ 1.98 หมื่นล้าน โต 3.2% เครื่องดื่ม “เอ็ม-150/ซีวิท” สินค้าหลักดันรายได้ มั่นใจเปิดประเทศดันกำลังซื้อฟื้น เปิดแผนปีหน้าประกาศลงทุนเพิ่ม 1,500 ล้าน เพิ่มดีกรีบุกเวนดิ้งแมชีน ขนทัพสินค้ากัญชา-กัญชง พร้อมขยายธุรกิจในเมียนมาต่อเนื่อง

นางจิตอาภา อัมราลิขิต หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ทางการเงิน บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 3/64 (มกราคม-กันยายน) ว่า ทำรายได้จากการขาย 19,810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แม้มีปัจจัยลบจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลต่อบรรยากาศและกำลังซื้อผู้บริโภคที่ชะลอตัว โดยเติบโตจากธุรกิจเครื่องดื่มในตลาดต่างประเทศที่ขยายตัว 31.2%

และโอสถสภายังคงความเป็นผู้นำตลาดในประเทศของเครื่องดื่มบำรุงกำลัง ด้วยส่วนแบ่งตลาด 54.5% จากความแข็งแกร่งของเอ็ม-150 เช่นเดียวกับกลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชั่นนอลดริงก์ บริษัทมีส่วนแบ่งตลาด 39.8% ผลักดันโดยแบรนด์ซีวิท ซึ่งทำส่วนแบ่งตลาดนิวไฮในไตรมาส 3 จากศักยภาพการกระจายสินค้าที่แข็งแกร่ง

ขณะที่ช่วงไตรมาส 3/64 โอสถสภามีรายได้รวม 6,182 ล้านบาท ลดลง 7.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ทั้งในและต่างประเทศ และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในการแปลงค่างบการเงินทำให้รายได้จากการขายอยู่ที่ 6,121 ล้านบาท ลดลง 7.3% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวหลังจากการทยอยเปิดเมือง

อย่างไรก็ตาม รายได้จากการขายเติบโต 3.6% หากเปรียบเทียบกับช่วงที่มีการแพร่ระบาดระลอกแรกของไวรัสโควิด-19 ในไตรมาส 2 ปีก่อน โดยเติบโตจากทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ บริษัทคาดการณ์การฟื้นตัวในลักษณะเดียวกันกับที่ผ่านมาหลังจากการทยอยเปิดเมืองหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลาย

“ช่วงการระบาดบริษัทได้ปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานเพื่อช่วยเหลือคู่ค้าในการกระจายสินค้าส่งตรงสู่สาขาอย่างเต็มที่ เพื่อให้มีสินค้าตอบสนองความต้องการอย่างเพียงพอและต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม รายได้จากการขายเครื่องดื่มในประเทศยังคงเติบโตได้ดี เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงที่มีการแพร่ระบาดระลอกแรกของไวรัสโควิด-19 ในไตรมาส 2 ปีก่อน หลังผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มซีวิทมีการขยายกำลังการผลิต (ในช่วงไตรมาส 2-3/63) และเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย

ทั้งนี้ หลังจากเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดและสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลาย รวมถึงการเร่งรัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ บริษัทคาดการณ์ว่าจะมีการฟื้นตัวของรายได้และภาพรวมตลาดในช่วงไตรมาส 4 เป็นต้นไป”

นางพรธิดา บุญสา กรรมการ กรรมการ บริหาร กรรมการบริหารความเสี่ยง Chief Operating Officer และ Group Chief Financial Officer บริษัทโอสถสภา กล่าวเสริมว่า สำหรับแผนงานหลักในปี 2565 บริษัทได้เตรียมงบฯการลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท เดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผ่านการบริหารจัดการเรื่องต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตในบางส่วน อาทิ ธุรกิจเวนดิ้งแมชีน เป็นต้น

ขณะที่ยุทธศาสตร์หลักในการดำเนินงานปีหน้าจะให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ทั้งการบริหารจัดการต้นทุน การทรานส์ฟอร์เมชั่น ปรับโครงสร้าง และปรับด้านบุคลากรต่าง ๆ พร้อมกันนี้ยังมีแผนเปิดตัวสินค้าที่มาจากกัญชา-กัญชง ทั้งในกลุ่มเครื่องดื่มและเพอร์ซันนอลแคร์ คาดการณ์ว่าจะสามารถทยอยเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ไม่เกินช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 เบื้องต้นขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนขออนุญาตและใบอนุญาตด้านต่าง ๆ

นอกจากนี้ยังมีแผนจะขยายธุรกิจในเมียนมามากขึ้น ควบคู่กับการมองหาพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจใหม่ และการมองหาการลงทุนใหม่ ๆ หรือเข้าควบรวมกิจการ (M&A) อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีแผนรีสตาร์ตสินค้าในกลุ่มเพอร์ซันนอลแคร์ และเฮลท์แคร์ใหม่ ในรูปแบบความงามที่เข้าถึงได้ ขณะเดียวกันบริษัทยังคงใช้การบริหารจัดการต้นทุนภายใต้โครงการ Fit Fast Firm อย่างเข้มข้น โดยวางเป้าหมายช่วง 5-7 ปี ด้วยการลดต้นทุนการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ราว 5,000 ล้านบาท ทั้งต้นทุนการขายและกิจกรรมการตลาด แพ็กเกจจิ้ง ผ่านโปรเจ็กต์ Combo ในการลดต้นทุน

“ตลาดสินค้าเพอร์ซันนอลแคร์ได้รับผลกระทบอย่างมากจากการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากเป็นสินค้ากลุ่มแรกที่ทุกคนตัดออกจากการใช้งาน แต่หลังโควิดผ่านพ้นไป เป็นอะไรที่ควรกลับมา และบริษัทพร้อมสร้างสินค้าใหม่ตอบโจทย์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มเพอร์ซันนอลแคร์และเฮลท์แคร์ที่คาดการณ์ว่าหลังสถานการณ์โควิดผ่านพ้นไปจะกลับมาเติบโตได้ดีอีกครั้ง”

สำหรับเป้าหมายการเติบโตในปี 2565 มองว่ายังเป็นเรื่องที่ยากประเมิน เพราะคงจับตาดูสถานการณ์หลังเปิดประเทศ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐว่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย หรือหากทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมาย บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดจากปีนี้ได้แน่นอน