Market-think สรกล อดุลยานนท์
วันก่อน ไปบรรยายที่บริษัทหนึ่ง ช่วงท้ายเขาเปิดให้พนักงานในบริษัทซักถาม
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
มีคำถามหนึ่งที่ชอบมาก
น่าจะเป็นคำถามแห่งยุคสมัย
เขาถามว่าจะแก้ปัญหาช่องว่างระหว่างวัยได้อย่างไร เพราะในทีมเดียวกันจะมีทั้งผู้อาวุโสและเด็กรุ่นใหม่
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ปัญหาของทุกองค์กรเท่านั้น
แต่กำลังเป็นปัญหาของสังคมไทย
ในอดีต “ช่องว่าง” ระหว่าง “วัย” จะไม่ห่างกันเหมือนกับวันนี้
อายุ 50 กับ 25 ห่างกัน 25 ปีเท่ากัน
แต่ “ช่องว่าง” ของวันนี้มากกว่าในอดีต
ทำไม ?
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ “เทคโนโลยี” ที่เปลี่ยนแปลงโลก
“เทคโนโลยี” ได้แบ่งโลกออกเป็น 2 กลุ่ม
คือ กลุ่มที่รู้เทคโนโลยี
และกลุ่มที่ไม่รู้เทคโนโลยี หรือรู้น้อย
สมัยก่อน เทคโนโลยีค่อย ๆ เปลี่ยน และมีพื้นฐานจากเทคโนโลยีเดิม
โทรศัพท์ตามบ้าน พัฒนาเป็น โทรศัพท์มือถือ
เรียนรู้ไม่ยาก
แต่เทคโนโลยียุคใหม่ มันแตกต่างจากเดิมเยอะมาก
แค่ “โซเชียลมีเดีย” ก็เปลี่ยนโลกแล้ว
การขายของหน้าร้าน กับการขายของผ่านโซเชียลมีเดียก็แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
ทำการตลาดก็แตกต่างกัน
และเทคโนโลยีใหม่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ
เหมือนที่ “เฮียฮ้อ” สุรชัย เชษฐ์โชติศักดิ์ ของ “อาร์เอส” บอกว่า สมัยก่อนคนอายุ 50 ถือว่าพร้อมทั้งประสบการณ์และคอนเน็กชั่น
แต่วันนี้ “ประสบการณ์” ในอดีตของคนอายุ 50 ใช้ได้ในวันนี้เพียงแค่ครึ่งเดียว
“คนรุ่นใหม่” วันนี้จึงมีพลังมากกว่า “คนรุ่นใหม่” ในอดีต
ทั้งที่อายุเท่ากัน
แต่เมื่อคน 2 รุ่นมาอยู่ร่วมกันเป็นทีม
“ความแตกต่าง” ทางความคิดและความรู้เรื่องเทคโนโลยี ทำให้คน 2 วัยเริ่มมีปัญหา
ผมบอกน้อง ๆ ว่าสำหรับผู้ใหญ่ เรื่องแรก ที่เราต้องไม่ลืม คือ เราเคยผ่านอายุ 25 มาแล้ว
แต่คนรุ่นใหม่ที่อายุ 25 เขาไม่เคยอายุ 50
เมื่อเราเคยผ่านวัยนั้นมาแล้ว เราต้องอย่า “ขี้ลืม”
อย่าลืมความรู้สึกของวัยนั้น
อาจจะไม่เหมือนกัน 100%
แต่อารมณ์ความรู้สึกมักคล้ายกัน คือ ตั้งคำถามกับระบบงานเดิม หรือสงสัยว่าทำไมไม่ทำอย่างนั้น อย่างนี้
เขาอยากเปลี่ยนแปลง
เราต้องเข้าใจเรื่องนี้ก่อน
และเรื่องที่สอง เราต้องยอมรับว่าคนรุ่นใหม่รู้เรื่องเทคโนโลยีเป็นอย่างดี
เขาเก่งกว่าเรา
เราต้องยอมรับ “ความเก่ง” ของเขาก่อน
ผู้ใหญ่ที่รับฟังเด็ก เด็กจะรัก
ในขณะที่คนรุ่นใหม่ ต้องยอมรับประสบการณ์เรื่อง “คน” ของเขาสู้ผู้ใหญ่ไม่ได้
ผู้ใหญ่รู้จักคน เคยเจอคนมามากกว่าเรา
รู้ว่าคนแบบนี้ควรจะพูดอย่างไร
รู้จักคนมากกว่าเรา
ทั้งคนในบริษัทและคนนอกบริษัท
เราอาจต้องใช้เวลานานมากในการติดต่อเข้าพบผู้บริหารบริษัทอื่น
แต่ผู้ใหญ่อาจแค่ยกโทรศัพท์กริ๊งเดียว
หรือรู้ว่าการเจรจากับคนแบบนี้ควรใช้วิธีไหน
เรื่องนี้เป็นเรื่องประสบการณ์ล้วน ๆ
วิชาเรื่อง “คน” สอนยากมากครับ
เราต้องเริ่มต้นด้วยการมองหา “ข้อดี” ของอีกฝั่งหนึ่งก่อน
แทนที่คิดว่าเราเก่งกว่าเขาเรื่องอะไร
ถ้าคน 2 วัย ยอมรับ “ความเด่น” ของอีกฝั่งหนึ่ง
“รู้” ในสิ่งที่เรา “ไม่รู้”
“มี” ในสิ่งที่เรา “ไม่มี”
แค่นั้น ความเป็นทีมก็จะเกิดขึ้นทันที
คุณธนินท์ เจียรวนนท์ เคยเล่าให้ฟังว่า ทุกปีเขาจะไปพบ “คนเก่ง” ในเรื่องต่าง ๆ
“คนเก่ง” อยู่ที่ไหน เขาจะไปคุย
ถามว่าทำไม “คนเก่ง” เหล่านั้นยอมเล่าหรือถ่ายทอดวิชาให้
“เพราะผมเรียกเขาว่า อาจารย์” คุณธนินท์บอก
ชื่นชมเขาอย่างจริงใจ
ไม่ใช่ไปคุยข่มเขา
แต่เคารพความเก่งของเขา
ถามแบบอยากรู้ ไม่ใช่ถามแบบลองวิชา
แค่นี้เขาก็พร้อมถ่ายทอดความรู้ให้อย่างเต็มที่
คนทุกคนล้วนมี “ข้อดี” ของตัวเอง
ไม่ว่าเราจะเก่งแค่ไหน ก็ต้องมีสักเรื่องหนึ่งที่คนอื่นเก่งกว่าเรา
ถ้าจะให้ใครยอมรับเรา
เราต้องยอมรับ “ความเก่ง” ของคนอื่นให้ได้ก่อน