โรสโกลด์ชูโรดแมปโกอินเตอร์ ปูพรม “เฮลท์ & บิวตี้” โกยเงินนอก

โรสโกลด์กางแผน 3 ปี โกยยอดขาย 10,000 ล้าน ปูพรมตลาดโลก เร่งเครื่องรุกตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม จ่อคลอดสินค้าใหม่ 3-4 รายการ ทั้งสกินแคร์-คอสเมติก-สุขภาพ อัดเพิ่มงบฯการตลาดกว่า 500 ล้านบาท สื่อสารแบรนด์ครบวงจร เจาะทุกกลุ่มเป้าหมาย ดึงตัวแม่ “ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต” พรีเซ็นเตอร์ปลุกยอดต่อเนื่องปีที่ 2

นายธันย์ธานิท กันต์นันท์ธร ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท โรสโกลด์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า หลังบริษัทเข้ารุกตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ล่าสุดบริษัทได้วางแผนวิชั่น 3 ปี

เพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเป็นแบรนด์สินค้าเพื่อสุขภาพและความงามในระดับโลก ผ่าน 3 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ 1.การขยายไลน์สินค้าที่ครอบคลุมทุกแคทิกอรี่ในตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามอย่างครบวงจร

โดยมีแผนส่งสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดราว 3-4 เอสเคยูต่อปี ก่อนจะแตกไลน์ซับแบรนด์เพิ่มอีก 1 แบรนด์ เพื่อรุกตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและคอสเมติก ในอนาคตเพื่อขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น 2.การเพิ่มตัวแทนจำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์เพิ่มอีกกว่า 100,000 รายทั่วประเทศ จากปัจจุบันที่มีสมาชิกอยู่ 30,000 ราย

“เรามีสินค้าที่พัฒนาในไปป์ไลน์กว่า 12 รายการ แต่จะเลือกออกมาเพื่อพัฒนาเป็นสินค้าในการวางจำหน่ายราว 3-4 รายการต่อปี ตามเทรนด์และความต้องการในขณะนั้น ๆ ภายใต้มาตรฐานการผลิตจากโรงงานเดียวกับเคาน์เตอร์แบรนด์

ล่าสุดได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “MIKU Sunscreen” กันแดดเนื้อครีม เปิดตัวเพื่อรุกตลาดในช่วงซัมเมอร์นี้ซึ่งเป็นการเติมเต็มกลุ่มสกินแคร์ที่เดิมที่มีคลีนซิ่งเจล ผลิตภัณฑ์แต้มสิว ครีมและเซรั่มบำรุงผิว โดยตั้งเป้าการขายไว้ที่ 1 ล้านชิ้น ภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันสามารถทำยอดขายอยู่ที่ 3 แสนชิ้นแล้ว”

และ 3.การเร่งเครื่องขยายตลาดต่างประเทศทั้งในอาเซียนและในยุโรป โดยจะโฟกัสใน 5 ประเทศหลัก อาทิ สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม สิงคโปร์ จีน มากขึ้นในปีนี้ ก่อนจะขยายเพิ่มอีก 5 ประเทศในปี 2566

ทั้งมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา เกาหลี อังกฤษ และออสเตรเลีย ซึ่งเป็นการขายผ่านตัวแทนจำหน่ายหรือดีลเลอร์ในแต่ละประเทศ โดยในส่วนของบริษัทเองจะเข้าไปช่วยในเรื่องการตลาด หรือการซัพพอร์ตหลังบ้าน โดยวางเป้าหมายขยายครบ 20 ประเทศในอีก 3 ปี

ด้านนางสาวแวววรรณ กันต์นันท์ธร ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของแผนการทำตลาดปีนี้จะให้ความสำคัญกับการทำตลาดเพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นโดยได้เพิ่มงบประมาณการตลาดในปีนี้ 5 เท่าตัว

หรือกว่า 500 ล้านบาท จากปี 2564 ที่ใช้งบฯราว 60-70 ล้านบาท ในการสื่อสารแบรนด์ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงการ rebrand-repackaging ทำแคมเปญส่งเสริมการขายร่วมกับตัวแทนจำหน่าย และล่าสุดมี “ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต” เป็นพรีเซ็นเตอร์เป็นปีที่ 2 เพื่อสื่อสารแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุตั้งแต่ 17-60 ปี

ขณะที่ช่องทางการจำหน่ายจะเน้นขายผ่านออนไลน์ หรือเรียกว่าเป็นการขายส่ง ควบคู่กับทำการตลาดเพื่อสนับสนุนการขายให้แก่ตัวแทนจำหน่าย ซึ่งพาร์ตเนอร์หรือตัวแทนจำหน่ายจะมีรายได้จาก 2 ทาง คือ ขายปลีกให้ลูกค้า หรือ end user และขายส่งให้ตัวแทน

โดยบริษัทจะแนะนำ อบรมพัฒนาทักษะความรู้ 2 ด้านหลัก ๆ คือ การสื่อสารการตลาดผ่านสื่อออนไลน์ การสร้างคอนเทนต์บนสื่อโซเชียล การใช้ SEO (search engine optimization) เบื้องต้นเพื่อเพิ่มการเข้าถึง การฝึกอบรมทักษะการตลาด เพื่อพัฒนาและต่อยอดธุรกิจ

ที่ลงลึกในรายละเอียดแบบจับมือทำ เช่น การวางแผนธุรกิจ ขั้นตอนทำความเข้าใจพฤติกรรมลูกค้า เทคนิคการขาย การสื่อสารกับลูกค้า การใช้คำพูดที่เหมาะสมในการให้บริการลูกค้า รวมไปถึงการหาช่องทางการตลาด เลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับลูกค้าเป้าหมายแต่ละกลุ่ม บริษัทจะมีการปรับแผน training อยู่ตลอดเวลา

เพราะในธุรกิจออนไลน์นั้นมีการเปลี่ยนแปลงตลอด จึงต้องปรับตัวให้ทัน เพื่อให้แน่ใจว่าพาร์ตเนอร์จะสามารถเข้าใจและใช้เครื่องมือแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้งทาง social commerce และ e-Commerce ในการช่วยขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับปีที่ผ่านมาบริษัทมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่า 700% มีพาร์ตเนอร์เพิ่มขึ้น 618% ทั้งในประเทศและเอเชีย เช่น สิงคโปร์และจีน มูลค่าบริษัทปัจจุบันประมาณ 1,500 ล้านบาท ปีนี้เวางเป้าหมายรายได้ในสิ้นปีไว้ที่ 2,000 ล้านบาท ก่อนจะเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้า

พร้อมกับขยายตลาดต่างประเทศครอบคลุมใน 20 ประเทศทั่วโลก ขณะเดียวกันวางเป้าหมายในการก้าวขึ้นเป็นแบรนด์สินค้าเพื่อสุขภาพและความงามที่ครองใจกลุ่มเป้าหมายครบทุกแคทิกอรี่ ตามรอยต้นแบบอย่างแอมเวย์ หรือการเป็นบริษัทที่มีสินค้าวางจำหน่ายทั่วโลกในอีก 10 ปีข้างหน้า