พานาโซนิคเผยแผนรุกงานโครงการรัฐ-เอกชน โดยอาศัยความแข็งแกร่งจากการควบรวมนี้
วันที่ 23 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พานาโซนิคได้ประกาศทิศทางใหม่ ที่จะเสริมแกร่งการรุกตลาดลูกค้าองค์กรและงานโครงการ หลังการปรับโครงสร้างใหญ่ด้วยการควบรวมกลุ่มบริษัทพานาโซนิคในไทย 3 แห่งเข้าด้วยกัน พร้อมวางเป้ารายได้โตเท่าตัวเป็น 2.8 หมื่นล้านบาท ในปีงบฯ 2573
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- ล้งกระหน่ำทุบราคามังคุด จากโลละ 200 เหลือ 60 บาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
นายฮิเดคาสึ อิโตะ ซีอีโอ กลุ่มบริษัท พานาโซนิค ในประเทศไทย อธิบายว่า การปรับโครงสร้างครั้งนี้ได้ควบรวมบริษัท พานาโซนิค ซิวเซลล์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้ากลุ่มทีวี เครื่องเสียง กล้องดิจิทัล กล้องวงจรปิด อุปกรณ์แสงสว่าง และบริษัท พานาโซนิค แมเนจเมนท์ ที่เป็นสำนักงานส่วนภูมิภาค เข้ากับพานาโซนิค โซลูชั่น ผู้จำหน่ายโซลูชั่นที่อยู่อาศัย เช่น ระบบระบายอากาศ
ทำให้หลังวันที่ 1 เมษายน 2565 กลุ่มบริษัท พานาโซนิค ในประเทศไทย จะมีทั้งหมด 16 บริษัท ในจำนวนนี้มีโรงงาน 9 บริษัท
เพิ่มงบฯ ขยายทีมขาย
ทั้งนี้เพื่อเสริมแกร่งให้กับการทำตลาดลูกค้าองค์กรและงานโครงการ ด้วยการรวมศูนย์ทรัพยากรณ์ ไม่ว่าจะเป็นปริมาณงบฯการตลาดที่จะเพิ่มขึ้น ทัพทีมขายที่ร่วมเป็นทีมใหญ่ทีมเดียว การออกแบบโซลูชั่นด้วยสินค้าจากพอร์ตของซิวเซลล์-ไลฟ์โซลูชั่น รวมถึงความคล่องในการประสานงานและติดต่อลูกค้า
โดยโซลูชั่นหลักที่บริษัทจะเน้นแบ่งเป็น 3 แนวทาง คือ โซลูชั่นการประหยัดพลังงานเพื่อตอบสนองสังคมปลอดคาร์บอน, โซลูชั่นเพื่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีรองรับกับสังคมผู้สูงอายุ และโซลูชั่นด้านสมาร์ทโฮมและความปลอดภัย สำหรับตอบรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปในยุค New Normal
“การรวมตัวครั้งนี้ยังช่วยลดความซ้ำซ้อนในการทำธุรกิจ ทำให้บริษัทสามารถรับมือกับต้นทุนทางธุรกิจที่พุ่งสูงอยู่ในขณะนี้ได้ดีขึ้นอีกด้วย”
เชื่อโครงการที่อยู่อาศัย-โรงงานจะเริ่มฟื้น
นายฮิเดคาสึย้ำความมั่นใจต่อสภาพตลาดงานโครงการองค์กรเอกชน-รัฐหลังจากนี้ว่า แม้ปัจจุบันผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 จะทำให้ตลาดดูซบเซา แต่หลังจากนี้ตลาดน่าจะเริ่มฟื้นตัวตามสถานการณ์การระบาดที่คลี่คลาย และกลุ่มที่อยู่อาศัย และโรงงานอุตสาหกรรมน่าจะกลับมาเติบโต เนื่องจากมีดีมานด์สินค้าและอุปกรณ์ต่างๆ ยังคงสูงต่อเนื่อง
“สะท้อนจากผลประกอบการปีงบฯ 2564 (เม.ย. 64 – มี.ค. 65) ซึ่งกลุ่มโรงงานของบริษัทมีรายได้มากขึ้น สวนทางกับยอดขายสินค้าสำหรับผู้บริโภคทั่วไปที่ไม่ดีนัก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาด”
ทั้งนี้จึงมุ่งเจาะลูกค้าทั้งกลุ่มที่อยู่อาศัย และกลุ่มที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย อย่า โรงแรม สำนักงาน โรงงาน คลังสินค้า โรงพยาบาล และศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ไปจนถึงโครงการภาครัฐ
ในตลาดกลุ่มที่อยู่อาศัย จะเน้นชู Total Living Solution โดยอาศัยโชว์รูม ‘Experience Center’ ซึ่งเปิดตัวเมื่อต้นปี 2564 นำเสนอการออกแบบและการติดตั้งโซลูชั่นเพื่อการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ระบบประหยัดพลังงาน ระบบควบคุมคุณภาพอากาศ โซลูชั่นเพื่อการพักผ่อนและการนอน โซลูชั่นเพื่อความบันเทิงในบ้าน เป็นต้น
ส่วนตลาดในกลุ่ม ที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย ในปีนี้จะเปิดตัวโซลูชั่นสำนักงานอัจฉริยะ ที่ยืดหยุ่นตามความต้องการของลูกค้า ใน 3 หมวดหลัก คือ Stress-Free Solutions ซึ่งมี Smart Box หรือตู้รับพัสดุและปลดล็อกด้วยระบบบลูทูท, Anti-Virus Solutions สร้างพื้นที่ปลอดไวรัสและแบคทีเรียด้วยอุปกรณ์ เช่น เครื่องฟอกอากาศ “Ziaino” ระบบปรับอากาศ “Air-E” วัสดุต้านแบคทีเรียสำหรับปูพื้นห้อง และ Energy Saving Solutions คลอบคลุมอุปกรณ์แสงสว่างรวมถึงเซนเซอร์อัตโนมัติและการบริหารจัดการด้านพลังงาน
เป้าปี 2573 โตเท่าตัว แตะ 2.8 หมื่นล้านบาท
ซีอีโอ กลุ่มบริษัท พานาโซนิค กล่าวต่อไปว่า ความแข็งแกร่งจากการควบรวมนี้ จะช่วยให้ปีงบฯ 2565 (เม.ย. 65 – มี.ค. 66) รายได้ของพานาโซนิค โซลูชั่น เติบโต 10% เป็นประมาณ 15,000 ล้านบาท
และในระยะยาวจะทำให้บริษัทสามารถขึ้นเป็นผู้นำในฐานะ Professional Solution Provider ของไทยได้ภายในปี 2573 พร้อมกันนี้ได้วางเป้ายอดขายปี 2573 ไว้ที่ประมาณ 28,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 200% เมื่อเทียบกับปีงบฯ 2564