ไอริส โอยามะ แบรนด์ญี่ปุ้น ปรับพอร์ต ส่งเครื่องใช้ไฟฟ้ารุกต่างจังหวัด

IRIS OHYAMA

“ไอริส โอยามะ” ต่อยอดความสำเร็จหน้ากากอนามัย เพิ่มงบฯ 2.5 เท่า ระดมสื่อสาร-โปรโมชั่นปั้นเครื่องใช้ไฟฟ้า-อุปกรณ์ทำความสะอาด พร้อมรุกร้านค้าออฟไลน์-ตจว.เต็มตัว หวังบาลานซ์พอร์ตรายได้ รับมือดีมานด์หน้ากากตกหลังผ่อนคลายโควิด มั่นใจปั้นรายได้โตเท่าตัวเป็น 250 ล้าน พร้อมปักฐานตลาดต่างจังหวัดได้แน่นอน

นายโยชิกิ โมริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอริส โอยามะ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตนำเข้าและจัดจำหน่ายของใช้ในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า แบรนด์ “ไอริส โอยามะ” (Iris Ohyama) จากประเทศญี่ปุ่น เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปี 2565-2566 นี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของบริษัท เนื่องจากเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ที่จะส่งผลให้ดีมานด์หน้ากากอนามัยซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทในสัดส่วนถึง 90% ของรายได้รวม 125 ล้านบาท ลดลงอย่างมากช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า

สะท้อนจากข้อมูลของไอริส โอยามะในประเทศอื่น ๆ ที่ปัจจุบันดีมานด์หน้ากากอนามัยลดลงไปประมาณ 50-60% จากช่วงการระบาดแล้ว จึงต้องปรับยุทธศาสตร์เดินหน้าผลักดันสินค้าอื่น ๆ ในพอร์ตโฟลิโอขึ้นมาทดแทน พร้อมขยายช่องทางจำหน่ายใหม่ ๆ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด อาศัยโมเมนตัมการรับรู้แบรนด์ “ไอริส โอยามะ” ที่หน้ากากอนามัยช่วยสร้างขึ้นมาต่อยอดสร้างความมั่นใจด้านคุณภาพสินค้าและการจดจำแบรนด์ให้กับผู้บริโภค รวมไปถึงผู้บริหารแพลตฟอร์ม-ร้านค้าปลีกต่าง ๆ

กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอริส โอยามะ อธิบายว่า โดยปีนี้จะมุ่งเน้นทำตลาดสินค้า 2 ตัวให้เป็นสินค้าดาวเด่น หรือ “โปรดักต์ฮีโร่” ของแบรนด์ คือ เครื่องทำความสะอาดอเนกประสงค์ (rinser cleaner) สำหรับวัสดุผ้า เช่น พรม เบาะรถ โซฟา ฯลฯ ซึ่งเป็นสินค้าที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย ทำให้ได้เปรียบในฐานะผู้บุกเบิกตลาด และยังไม่มีคู่แข่งโดยตรง คู่กับพัดลมที่มีจุดเด่นด้านดีไซน์เล็ก และฟังก์ชั่นหมุนเวียนอากาศ เนื่องจากทั้ง 2 สินค้าต่างได้รับผลตอบรับดีสะท้อนจากยอดขายและรีวิว รวมถึงมีจุดแตกต่างจากคู่แข่งชัดเจน อีกทั้งสามารถต่อยอดร่วมกับสินค้าอื่น เช่น เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย เครื่องทำความสะอาดด้วยไอน้ำ ฯลฯ ได้ด้วย

ในการทำตลาดจะทุ่มงบฯมากกว่าปีที่แล้ว 2.5 เท่า เน้นสื่อสารผ่านโซเชียลและเว็บไซต์ในรูปแบบคลิปวิดีโอและการรีวิวของอินฟลูเอนเซอร์เป็นหลักเพราะสามารถอธิบายฟังก์ชั่นการใช้งานที่เป็นจุดเด่นของสินค้าได้ชัดเจนครบถ้วน สร้างความประทับใจให้ผู้บริโภคได้มาก รวมถึงโปรโมตร่วมกับหน้ากากอนามัย เพื่อให้ผู้บริโภคที่เข้ามาค้นหา-ซื้อหน้ากาก ได้เห็นสินค้ากลุ่มนี้ไปพร้อมกันด้วย โดยจะใช้โซเชียลดึงดูดผู้บริโภคเข้ามาบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ จากนั้นจึงจัดโปรโมชั่นเพื่อเปลี่ยนความสนใจเหล่านี้ให้เป็นยอดขาย

“แบรนด์และสินค้าของเรายังไม่เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคไทยมากนัก การสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียจึงยังเป็นแกนกลางของการสร้างการรับรู้ในวงกว้าง และเมื่อผู้บริโภคเห็นสินค้าครั้งแรกอาจไม่ทราบว่าจะใช้ฟังก์ชั่น-จุดเด่นเหล่านี้ที่มีอย่างไร ทำให้การสื่อสารด้วยคลิปวิดีโอและอินฟลูเอนเซอร์ได้ผลดีกว่ารูปแบบอื่น ๆ”

กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอริส โอยามะ ยังระบุด้วยว่า นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิดตัวอุปกรณ์ทำอาหารเพิ่มจากเดิมที่มีหม้อหุงข้าว เตาไฟฟ้า และชุดหม้อ-กระทะ เพื่อรับกระแสการทำอาหารทานเองที่ยังคงแรงต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงล็อกดาวน์ พร้อมรุกช่องทางออฟไลน์และต่างจังหวัดอย่างเต็มตัว โดยต่อยอดความสำเร็จในช่องทางมาร์เก็ตเพลซ ลาซาด้า และช้อปปี้ ซึ่งสินค้าของบริษัทติดกลุ่มสินค้าขายดีต่อเนื่อง มาสร้างความเชื่อมั่นให้กับบรรดาผู้ค้าปลีกรายอื่น ๆ ในการรับสินค้าไปจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นโมเดิร์นเทรดอย่างเชนร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า และร้านฮาร์ดแวร์ อาทิ เพาเวอร์บาย โฮมโปร ฯลฯ เริ่มจากการตั้งช็อปอินช็อป พร้อมกับการเข้าร่วมอีเวนต์ต่าง ๆ ที่ช่องทางจัดขึ้น

ส่วนเทรดิชั่นนอลเทรดที่จะเดินหน้าเจรจากับดิสทริบิวเตอร์และร้านค้าท้องถิ่น เน้นชูกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น พัดลม เครื่องทำความสะอาดพรม และเครื่องดูดฝุ่น นำพัดลมเข้าไปจำหน่ายในร้านแอร์ หรือร้านที่มีแอร์จำหน่ายอยู่ เป็นต้น ขณะเดียวกัน รับมือสถานการณ์ต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นด้วยจุดแข็งของไอริส กรุ๊ปที่เป็นเครือบริษัทใหญ่ มีธุรกิจครอบคลุมทั้งผลิต ขนส่งและจัดจำหน่ายมาช่วยคุมค่าใช้จ่ายแต่ละส่วน ช่วยให้สามารถคงราคาสินค้าไว้ได้ตลอดช่วงที่ผ่านมา

สำหรับเป้าหมายในปีนี้นายโยชิกิระบุว่า วางเป้ายอดขายอย่างน้อย 250 ล้านบาท ซึ่งจะต้องมาจากเครื่องใช้ไฟฟ้า 45% ตามแผนบาลานซ์พอร์ตรายได้ มีดีลเลอร์ในต่างจังหวัด 15 ราย และด้วยยุทธศาสตร์ที่วางไว้ความหลากหลายของสินค้ามั่นใจว่าสามารถทำได้แน่นอน