ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง สปีดดึง 5 แบรนด์ เพิ่มพอร์ต ลั่นปีนี้ยอดขายโต 30%

ล็อกซเล่ย์

“ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง” เปิดเกมรุก เดินหน้าดึงสินค้าใหม่เสริมพอร์ต เผยทยอยเซ็นสัญญาอีก 5 แบรนด์ ล่าสุด “นมหนองโพ” วางใจให้ช่วยกระจายสินค้ายาว 5 ปี บุกเทรดิชั่นนอลเทรด-โมเดิร์นเทรด อาหารและเครื่องดื่มทยอยซบ มั่นใจสิ้นปีสวนกระแส โต 30% คาดตัวเลขทะลุ 3 พันล้าน

นายสุรช ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า ตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2565 นี้เป็นต้นไป จะเร่งสปีดขยายธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าของบริษัท ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง จำกัด ด้วยการดึงแบรนด์ใหม่ ๆ เข้ามาเป็นคู่ค้าเพื่อเสริมทัพสินค้าในพอร์ตโฟลิโออีกอย่างน้อย 5 แบรนด์ ตามเป้าหมายสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดในปี 2566

เนื่องจากเชื่อว่า แม้เผชิญปัญหาเศรษฐกิจและกำลังซื้อ แต่สินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ระดับแมสถึงกลางจะยังมีดีมานด์ต่อเนื่อง ทั้งจากเทรนด์การทำอาหารเองที่บ้านที่ต่อเนื่องมาจากช่วงล็อกดาวน์ และพื้นฐานการเป็นสินค้าจำเป็นของครัวเรือนไทย เห็นได้จากยอดขายน้ำมันพืชกุ๊กที่เติบโตได้ในช่วงที่ผ่านมาแม้จะมีโรคระบาดและถือเป็นตลาดที่อิ่มตัวแล้วก็ตาม

นายสุรช ล่ำซำ
สุรช ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน)

ขณะเดียวกัน สินค้าหลายกลุ่ม เช่น นม เครื่องปรุง ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก ต่างมีตลาดขนาดใหญ่มากทำให้มีช่องทางเติบโตด้วยการชิงส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งได้อีกมาก

รวมถึงบริษัทจะหนุนด้วยระบบกระจายสินค้าที่อัพเกรดใหม่ เช่น การติดตามข้อมูลการขายในแต่ละช่องทาง และนำข้อมูลมาคัดเลือกสินค้าที่เหมาะสม เป็นต้น รวมถึงเครือข่ายร้านค้าปลีก-ส่งกว่า4 หมื่นร้านค้า

นายสุรชกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บริษัทได้ทยอยเซ็นสัญญากับสินค้าแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อตัวแทนจำหน่ายแล้ว โดยจะมี 4 แบรนด์ใหม่เข้ามาเพิ่มในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 นี้ และในปี 2566 จะมีแบรนด์ใหญ่อีก 1 แบรนด์

โดยประเดิมด้วยแบรนด์หนองโพ ที่บริษัทบรรลุข้อตกลงกับสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) และได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายอีกครั้ง หลังสิ้นสุดสัญญาไปเมื่อปี 2560 โดยรับผิดชอบช่องทางร้านค้าปลีก-ส่งแบบเทรดิชั่นนอลเทรด และแม็คโคร เป็นเวลา 5 ปี

สำหรับแผนการดำเนินงานของแบรนด์หนองโพ ช่วงเฟสแรกจะเร่งฟื้นฟูช่องทางจำหน่ายเดิมด้วยการนำนมกล่องยูเอชทีมาจัดจำหน่ายในร้านค้าเทรดิชั่นนอลเทรดซึ่งเป็นช่องทางสำคัญของนมยูเอชที จำนวนกว่า 3,000 ร้านค้า และในช่วงต้นปี 2566 จะร่วมกันทำการตลาด ก่อนจะเข้าสู่เฟส 2 ที่เป็นการขยายช่องทางจำหน่ายไปยังโมเดิร์นเทรด

รวมถึงการนำสินค้าอื่น ๆ ในพอร์ตของหนองโพเข้ามาจัดจำหน่ายด้วย เชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มอย่างต่อเนื่องและเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะสร้างการเติบโตในปีนี้

นอกจากนี้ ภายใน 5 เดือนที่เหลืออยู่ของปีนี้ ล็อกซ์เล่ย์จะเปิดตัวแบรนด์ใหม่อีก 3 แบรนด์ และจะมีอีก 1 แบรนด์ในปีหน้า โดยจะเป็นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเนื่องจากบริษัทมีความเชี่ยวชาญ และสามารถต่อยอดเครือข่ายการจัดจำหน่ายเดิมที่มีอยู่ได้ และพร้อมเปิดรับแบรนด์สินค้าใหม่ ๆ เข้ามาเป็นพันธมิตรอีก จากก่อนหน้านี้ปิดดีลการเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับซอสหอยนางรม และเครื่องปรุงรสภายใต้แบรนด์ “ลีกุมกี่” (LEE KUM KEE) จากฮ่องกง และผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก จอร์แดน ไปแล้ว

“จากแนวทางดังกล่าว โดยเฉพาะการเพิ่มสินค้าใหม่ในพอร์ตโฟลิโอ จะช่วยสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด หลังสามารถเติบโต 30% ต่อเนื่องมา 4 ปี ตั้งแต่ปี 2561-2564 หรือจาก 1.5 พันล้านบาท เมื่อ 4 ปีก่อน เพิ่มเป็น 2.8 พันล้านบาท ในปีที่ผ่านมา” นายสุรชกล่าวในตอนท้าย

ปัจจุบันสินค้าที่ล็อกซ์เล่ย์ เทรดดิ้ง เป็นตัวแทนจำหน่าย อาทิ น้ำมันพืชกุ๊ก น้ำปลา กะปิ ตราชั่ง ข้าวพนมรุ้ง, ผงปรุงรส ทิพรส ปลากระป๋องซูมาโก้ ถั่วกรีนนัท-ซันนัท ธัญพืชสำเร็จรูป กู๊ดไทม์ น้ำตาลสด เน็กตร้า แปรงสีฟันและผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก จอร์แดน