“ชาริช โฮลดิ้ง” บุกตลาดรถยนต์-สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ประเดิมส่ง “บีวายดี e6” เจาะตลาดแท็กซี่ วี.ไอ.พี. ตั้งเป้าปีหน้าขายพันคัน พร้อมส่ง “นิว” ลุยสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าพรีเมี่ยม หวังโกยรายได้ทั้งปีทะลุ 1.2 พันล้าน รับกระแสรถอีวีบูม
นายอภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชาริช โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงแผนขยายธุรกิจว่า อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรรายใหม่ 2-3 ราย เพื่อนำสินค้าผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มานำเสนอให้กับลูกค้าชาวไทย ตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่จะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในไลน์ความถนัดของบริษัท ซึ่งน่าจะได้ข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
ส่วนปีนี้บริษัทตั้งเป้าผลประกอบการโดยรวมไว้ที่ 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่สามารถทำได้ 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการเปิดธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ บีวายดี (BYD) และรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าอัจฉริยะยี่ห้อ นิว (NIU) ซึ่งถือเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนผลประกอบการ
ล่าสุด บริษัท ไรเซน เอนเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของชาริช โฮลดิ้ง ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในโครงการแท็กซี่ วี.ไอ.พี. ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% บีวายดี รุ่น e6 เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการรถแท็กซี่สาธารณะแก่ประชาชนด้วยเป็นความร่วมมือกันระหว่างพันธมิตร 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท ไรเซน เอนเนอร์จี จำกัด, บริษัท อีวี โซไซตี้ จำกัด, บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด และบริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) โดยได้จำหน่ายในลอตแรกจำนวน 100 คัน ซึ่งจะส่งมอบได้ราวเดือนสิงหาคมนี้
ส่วนปี 2562 ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 1,000 คันโดยรถรุ่นนี้เป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานจริง เนื่องจากเป็นรถที่วิ่งเยอะ ๆ แล้วจะคุ้ม เช่น กลุ่มรถแท็กซี่ โดยบริษัทจะเน้นการจำหน่ายในลักษณะของ
บีทูบีมากกว่าการจำหน่ายทั่วไป สำหรับรถบีวายดี e6 นั้น มีราคาจำหน่ายที่ 1.89 ล้านบาท และเนื่องจากสินค้าในไลน์อัพของบีวายดี มีทั้งรถยนต์, รถโมโนเรล, รถบัส, รถโฟร์กลิฟต์ ฯลฯ อนาคตบริษัทยังมีแผนจะนำเข้ามาจำหน่ายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในประเทศไทยด้วย
ส่วนแผนนำเข้ารถแวน T3 เพื่อใช้ในธุรกิจขนส่ง ซึ่งขณะนี้ได้รับการติดต่อจากบริษัท ดีเอชแอล เพื่อให้นำรถรุ่นนี้เข้ามาทำตลาด โดยคาดว่าจะจำหน่ายในราคา 1.5-1.6 ล้านบาทด้วย รวมถึงแผนการขยายตลาดเข้าไปเจาะกลุ่มรถหัวลากในสนามบิน ซึ่งหากมีความเป็นไปได้ บริษัทจะนำเสนอรถหัวลากแบบไฟฟ้า 100% ซึ่งรถหัวลากดังกล่าวช่วยลดต้นทุนได้ถึง 48%
ส่วนรถยนต์นั่งไฟฟ้า 100% บีวายดี รุ่นอื่น ๆ นั้น หากบริษัทแม่มีการพัฒนาและเหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าคนไทย บริษัทพร้อมที่จะนำเข้ามาทำตลาดในอนาคตด้วย
ขณะที่บริษัทยังได้แนะนำรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่มาพร้อมเทคโนโลยีในการเชื่อมต่อรถกับสมาร์ทโน สามารถดูสถานที่ต่าง ๆ ผ่านแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น N1 เป็น smart electric scooter แบบ 2 ที่นั่ง ซึ่งเป็นรุ่นที่สามารถใช้งานบนท้องถนนและจดทะเบียนได้ จำหน่ายในราคา 98,000 บาท อีกรุ่นคือ M1 มีขนาดเล็กกว่า เหมาะสำหรับใช้งานในถนนปิด เช่น ในหมู่บ้าน รีสอร์ต หรือแม้กระทั่งใช้งานในโรงพยาบาล โดยราคาจำหน่ายอยู่ที่ 95,000 บาท เบื้องต้นบริษัทยังไม่ได้ตั้งเป้าหมายในแง่ของยอดการจำหน่ายสำหรับรถสกู๊ตเตอร์ นิว ไว้แต่อย่างใดแต่ก็เชื่อว่าน่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้าชาวไทยเป็นอย่างดี
ปัจจุบัน ชาริช โฮลดิ้ง มี 7 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1.รถจักรยานยนต์ดูคาติ 2.รถจักรยานยนต์รอยัล เอนฟิลด์ 3.รถไฟฟ้าบีวายดี 4.ตัวแทนจำหน่ายชุดแต่งรถยนต์ไฟฟ้า เทสล่า RevoZport และ Unplugged Performance อย่างเป็นทางการในประเทศไทย 5.สินค้านวัตกรรมไอโรบอต 6.เครื่องล้างแปรงแต่งหน้า สไตล์โปร (StylPro) และ 7.รถสกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยม นิว