DEEPAL 2 รุ่น 2 สไตล์ จัดว่าดีเกินคาด

คอลัมน์ : เทสต์คาร์
ผู้เขียน :วุฒิณี ทับทอง

หลังจากเปิดตัวพร้อมรับจองรถยนต์ไฟฟ้าจากค่ายฉางอาน (CHANGAN) กับแบรนด์ดีพอล (DEEPAL) ไปเมื่อช่วงงาน Motor Expo 2023 ที่ผ่านมา

ต้องบอกว่าสร้างปรากฏการณ์ “ตลาดแตก” ฉางอานกวาดยอดจองในงานไปกว่า 3,000 คัน

ซึ่งทีมผู้บริหารชาวจีนบอกว่า ราว ๆ กลางเดือนนี้ (ธันวาคม) รถจะเริ่มทยอยไปที่ดีลเลอร์ จากนั้นราวกลางเดือนมกราคมปีหน้า ลูกค้าที่จองไว้เตรียมรับรถได้อย่างแน่นอน

วันนี้ “ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสได้ร่วมสัมผัสการทดสอบรถ DEEPAL ทั้ง 2 รุ่น คือ เจ้า DEEPAL L07 ที่มาพร้อมตัวถังแบบซีดานสไตล์ฟาสต์แบ็ก และ DEEPAL S07 ที่มาพร้อมตัวถังสไตล์รถเอสยูวี

สิ่งที่เหมือนกันของรถทั้ง 2 รุ่น คือ เรื่องการออกแบบแพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแพลตฟอร์มใหม่ของ CHANGAN ที่เรียกว่า EA1 ที่เขาใช้หลักการออกแบบบนพื้นฐานของระบบขับเคลื่อนล้อหลัง กระจายน้ำหนักแบบ 50 : 50 เพิ่มความสมดุลกันระหว่างล้อทั้ง 4 ล้อแล้ว

DEEPAL

ยังใช้ระบบจัดการแบตเตอรี่ดิจิทัลแบบ iBC (Intelligent Battery Control) มาช่วยทำงานระหว่างการวิเคราะห์ Processor ภายในตัวรถและบนระบบคลาวด์ของฉางอาน ทำให้มีความแม่นยำทั้งในด้านการติดตามสถานะแบบการเตือนภัยด้านความเสี่ยงและระบบการชาร์จแบตเตอรี่

นอกจากตัวถังที่แตกต่างกันระหว่างรถทั้ง 2 รุ่นแล้ว ราคาจำหน่ายที่ห่างกันอยู่ประมาณ 70,000 บาทนั้น Option ที่แตกต่างกัน ทั้งในส่วนของหลังคากระจกแบบพาโนรามาในรุ่น L07 จะไม่มีม่านบังแดดมาให้ เเต่กระจกถูกเคลือบด้วยสารกันความร้อน แต่เอาเข้าจริง เวลาเราทดสอบ ช่วงบ่ายต้น ๆ ก็ถือว่าสร้างความอบอ้าวภายในห้องโดยสารได้พอสมควร กลายเป็นระบบปรับอากาศไม่ชุ่มฉ่ำไปซะงั้น

ส่วนรุ่น S07 เป็นหลังคาแบบเดียวกัน แต่ฉางอานเลือกออกแบบด้วยการติดตั้งม่านหลังคากันแดดมาให้ ซึ่งถือว่าลงตัวกว่า ล้อแม็กทั้ง 2 รุ่นมีลวดลายต่างกัน และขนาดต่างกัน รุ่น S07 เลือกใช้ล้อขนาด 19 นิ้ว ส่วน L07 เป็นขนาด 20 นิ้ว ที่แผงประตูด้านในห้องโดยสารก็แตกต่างกัน รุ่น S07 เป็นลักษณะของปุ่มกด ปลดล็อกและเปิดประตู และหน้าจอมิเตอร์ด้านหลังพวงมาลัยถูกตัดออกไป ขณะที่ L07 ยังออกแบบให้เป็นก้านดึงเพื่อเปิดอยู่

ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยของอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารจะเหมือนกัน เช่น หน้าจอสัมผัสที่เรียกว่า “ซันฟลาวเวอร์” มีมาให้ ต่างกันแค่ขนาด หน้าจอนี้จะสามารถปรับทิศทางได้อัตโนมัติ โดยจะหันหน้าจอไปหน้าเสมอเมื่อมีผู้ขับนั่ง เพราะเขาออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกสูงสุดให้กับคนขับ

มีระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า ที่ฉางอานเรียกว่า AR ซึ่งก็คือ Head up Display นั่นเอง ให้ข้อมูลภาพชัดเจน

ทั้ง 2 รุ่นมีปุ่มควบคุมแอร์แบบสัมผัสที่ห้องโดยสารด้านหลัง แต่รุ่น S07 จะเพิ่มปุ่มเปิด-ปิดม่านไฟฟ้ามาให้ และปุ่มเลื่อนเบาะนั่งฝั่งคู่หน้าคนขับมาให้ด้วย

ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยอื่น รถทั้ง 2 รุ่นก็มีความคล้ายคลึงกัน

DEEPAL

รวมทั้งขนาดของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 190 กิโลวัตต์ หรือ 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร และความจุแบตเตอรี่ที่ 66.8 กิโลวัตต์-ชั่วโมง

ขณะที่อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง L07 ใช้เวลาเพียง 6.29 วินาที ส่วน S07 ใช้เวลา 6.9 วินาที

การทดสอบวันนี้เป็นการขับขี่ในสนามจำลองที่ทางทีมงานเซตไว้ให้ เพื่อให้เราสัมผัสกับฟีลลิ่งของรถทั้ง 2 รุ่น ด้วยการจำลองการขับขี่เส้นทางในเมือง ซึ่งถือว่าการตอบสนองของรถทั้ง 2 รุ่นถือว่าดี โดยเฉพาะการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารถือว่ากริบ ส่วนรุ่น S07 จะมีเสียงเล็ดลอดเข้ามาบ้าง เนื่องจากเป็นรถเอสยูวีจะมีขนาดสูงใหญ่ ทำให้มีแรงปะทะมากกว่า

ส่วนความปรู๊ดปร๊าดและความคล่องตัว ตรงนี้ก็ต้องชม เพราะทั้ง 2 รุ่น ให้อารมณ์การขับขี่ที่ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ แรงหน่วงแรงดึงของระบบไฟฟ้านั้น ค่อนข้างสมูท ตรงนี้เราเลือกใบ้โหมดการขับขี่ทั้ง 4 โหมด ประหยัด สบาย สปอร์ต และปรับตามใจ

DEEPAL

ส่วนช่วงล่างก็ถือว่าการปรับจูนที่เซตมานั้นประทับใจ โดยจังหวะที่เราขับรถทั้ง 2 รุ่น รูตเส้นทางที่มีตัวหนอน ด้วยความเร็ว 10-20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่วงล่างให้การทรงตัวดี และไม่ได้มีความกระแทกกระทั้น มาได้เนียน ๆ ก็ถือว่า DEEPAL ทั้ง 2 รุ่นนี้ค่อนข้างจะลงตัว

ระบบความปลอดภัยเขามีมาครบครัน และค่อนข้างเสถียร แต่อย่างที่บอกว่านี่เป็นการทดสอบในสนามแบบปิด หากเรานำรถทั้ง 2 รุ่นไปใช้งานจริงบนสภาพเส้นทางที่มีปัจจัยแวดล้อมนอกเหนือครอบคลุมก็ต้องดูกันอีกทีนึง

แต่ถึงตรงนี้ต้องบอกว่า DEEPAL L07 ราคา 1.329 ล้านบาท

DEEPAL S07 ราคา 1.399 ล้านบาท

น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะค่ายรถที่อยู่ในเซ็กเมนต์ใกล้เคียงกัน ทั้งฝั่งรถอีวีด้วยกันเอง หรือกลุ่มเอช:อีวี ก็ต้องมีร้อน ๆ หนาว ๆ แน่นอน

DEEPAL DEEPALDEEPAL