อุตฯลั่น 7 ปีรถยนต์ไฟฟ้าพรึ่บ บี้รถเช่ารัฐใช้อีวี-กราฟีนซุ่มลงทุนแบต

อุตฯฟันธง 7 ปี รถยนต์ไฟฟ้าพรึ่บเต็มประเทศ โชว์ผลวิจัยตัวเลขโตต่อเนื่อง ลั่นโรดแมปขับเคลื่อนตามเป้าหมายเป๊ะ พื้นที่ “อีอีซี” ค่ายรถทุ่มลงทุนหลายหมื่นล้าน พัฒนาครบทั้ง รง.แบตเตอรี่-มอเตอร์ไฟฟ้าและระบบควบคุม โหมส่งเสริม-ปลุกจิตสำนึก กำหนดเมืองท่องเที่ยวหลัก-รถเช่าหน่วยงานรัฐต้องใช้รถอีวี เผย “กราฟีน”จากจีนทาบลงทุนแบตเตอรี่

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า โรดแมปขับเคลื่อนรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% หรืออีวี ยังเดินหน้าตามเป้าที่วางไว้ โดยขณะนี้มีค่ายรถยนต์ตอบรับเข้าร่วมเกือบ 10 รายมีมูลค่าการลงทุนหลายหมื่นล้าน และทุกค่ายปฏิบัติตามกรอบที่กำหนด ทั้งเม็ดเงินลงทุน การพัฒนาคน การถ่ายทอดเทคโนโลยี โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี

“ตอนนี้อาจยังไม่เห็นความชัดเจน เพราะรถอีวีต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 7 ปี หรือราว ๆ ปี 2025 กว่าจะแพร่หลาย ซึ่งมีผลวิจัยจากบริษัทที่ปรึกษาของคณะกรรมการปฏิรูปด้านเศรษฐกิจระบุว่า มาร์เก็ตแชร์จะขยับไปได้ถึง 10% ของยอดขายรถยนต์ทั้งโลก ช่วงนี้ถือเป็นช่วงเตรียมการ ทั้งโตโยต้า ฮอนด้า นิสสันมาสด้า มอร์เซเดส-เบนซ์ บีเอ็มดับเบิลยู ทุกรายมองไปที่รถอีวี เพียงแต่ต้องเป็นขั้นเป็นตอนเพราะปัจจัยสนับสนุนอย่างเช่นสถานีชาร์จไฟยังไม่พร้อม ช่วงนี้ก็เลยเห็นแต่ไฮบริดและปลั๊ก-อิน ไฮบริดไปก่อน”

นายอุตตมกล่าวว่า รัฐบาลต้องการให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญ ต่อจากฐานการผลิตรถยนต์สันดาปภายใน หัวใจของรถยนต์ไฟฟ้ามี 3 ส่วนหลัก คือ 1.แบตเตอรี่ 2. มอเตอร์ไฟฟ้าและ 3.ระบบควบคุมไฟฟ้า เพราะฉะนั้นถ้าพูดถึงอุตสาหกรรมเป้าหมายรถยนต์ไฟฟ้า ก็คือเป้าหมายให้คนไทยสามารถผลิตอุปกรณ์ทั้งสามส่วนนี้ได้ เนื่องจากเทคโนโลยีเหล่านี้มีมูลค่าเพิ่มสูง

“เราบอกทุกค่ายว่า ต้องทรานส์เฟอร์เทคโนโลยี และไม่ใช่มองแค่ฐานผลิตในประเทศเท่านั้น ต้องมองถึงตลาดส่งออกด้วย กรอบเวลาเราชัดเจน ตัวอย่างเช่น แบตเตอรี่ช่วงแรกอาจจะเอาเป็นเซลล์มาประกอบเป็นแพ็กในประเทศก่อน แต่ขั้นต่อไปตัวเซลล์นี้ต้องพัฒนาขึ้นเองในประเทศ เทคโนโลยีเก่านิเกิล-เมทัล-ไฮไดรด์ใช้ได้ไม่เกิน 5 ปี ต้องเปลี่ยนเป็นลิเธียม-ไอออนทั้งหมด ตอนนี้ทั้งเบนซ์ บีเอ็มดับเบิลยู โตโยต้า ตื่นตัวกับการเดินหน้าโรงงานแบตเตอรี่”

ส่วนแผนผลักดันให้รถยนต์ไฟฟ้าเกิดได้เร็วขึ้น ทุกหน่วยงานกำลังประสานงานกันอย่างเป็นระบบ มีการกระตุ้นทั้งอุปสงค์และอุปทาน ตัวโครงสร้างพื้นฐานหรือกฎหมายบางตัวที่เป็นอุปสรรคต้องแก้ไข ล่าสุดมีการหารือกับกระทรวงการท่องเที่ยวเสนอให้แหล่งท่องเที่ยวหลัก ๆ มีรถยนต์ไฟฟ้าเข้าไปช่วยโปรโมตหรือกรณีรถเช่าของหน่วยงานรัฐ จากนี้ต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นเพื่อส่งเสริมและปลุกจิตสำนึก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวว่า เท่าที่ประเมินจากผลวิจัย มั่นใจว่ารถยนต์ไฟฟ้ามาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก หลายคนเป็นห่วงว่าแพ็กเกจส่งเสริมทั้งไฮบริดและปลั๊ก-อิน ไฮบริด รวมถึงรถอีวีจะกระทบกับแพ็กเกจเดิมอย่างเช่นอีโคคาร์ทั้งเฟสแรกและเฟส 2 รัฐบาลยืนยันว่า ให้การดูแลเป็นอย่างดี เพราะสามารถเอา 2 แพ็กเกจรวมกันได้ โดยค่ายรถยนต์ที่มีอีโคคาร์อยู่แล้วสามารถทำอีโคคาร์เป็นแบบไฮบริดเสริมเข้าไปได้

“เขตพื้นที่อีอีซีตอนนี้เนื้อหอมมาก มีซัพพลายเออร์เสนอตัวเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง ล่าสุดมีนักลงทุนจีนซึ่งทำแบตเตอรี่จากกราไฟต์แต่เรียกว่ากราฟีนเข้ามาคุยกับเราเพิ่มเติม จะตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ ก็น่าจะได้คำตอบจากบีโอไอเร็ว ๆ นี้ ส่วนเรื่องสิ่งแวดล้อมก็ไม่ต้องกังวลเพราะกระทรวงอุตฯมีมาตรฐานโรงงาน 4.0 ที่กำกับควบคุมเป็นอย่างดี”

ส่วนประเด็นที่หลายฝ่ายกังวลกรณีรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ซึ่งได้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี 0% จากเขตการค้าเสรีหรือเอฟทีเอ ได้พูดคุยกับทางผู้ประกอบการหลายรายไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่มั่นใจว่าโปรดักต์ของตัวเองโดดเด่นกว่าหรือเหนือกว่า และที่สำคัญกระทรวงอุตสาหกรรมยังมีวิธีดูแลผู้ผลิตในประเทศ