พิทักษ์ พฤทธิสาริกร “ฮอนด้า…โฟกัสที่ลูกค้า”

วันก่อนฮอนด้า ออโตโมบิล เปิดบ้านใหม่ย่านบางนา อาคารภิรัชทาวเวอร์ แอท ไบเทค ต้อนรับสื่อมวลชน

บอสใหญ่ “พิทักษ์ พฤทธิสาริกร”ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย)จำกัด กล่าวต้อนรับอย่างอบอุ่นเกริ่นให้ฟังว่า การย้ายสำนักงานใหญ่ส่วนการขายและบริการของฮอนด้ามายังอาคารภิรัชทาวเวอร์ แอท ไบเทค น่าจะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของฮอนด้าเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งชูแนวคิดการทำงานยุคใหม่ เน้นสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่

ความหลังพิษต้มยำกุ้ง

นายพิทักษ์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ออฟฟิศฮอนด้าอยู่บางนา ขออนุญาตเล่าแบ็กกราวนด์ก่อนมูฟมาอยู่ที่บางนาเมื่อปี 1997 ช่วงประเทศไทยเจอพิษเศรษฐกิจ “ต้มยำกุ้ง” ทำให้ต้องขยับจากอาคารสารสินเปิดทางให้เอเชี่ยนฮอนด้ามูฟจากตึกโอบายาชิ มาอยู่แทน ส่วนฮอนด้าออโตโมบิลถูกเตะกระเด็นมาอยู่บางนา (หัวเราะ)มาอยู่ที่โกดังเก็บสินค้า หลังจากนั้น ก็เริ่มรีโนเวตดัดแปลงขึ้นมาให้เป็นออฟฟิศชั่วคราว ตั้งใจว่าพอสถานการณ์ดีขึ้นจะกลับไปหาที่ใหม่ทันสมัยและพร้อมกว่าแต่ก็ชั่วคราวมา 20 ปี เป็นชั่วคราวที่นานมาก ซึ่งทุกอย่างก็มีเหตุผล ในช่วงนั้นมีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ฮอนด้าไม่มีเวลาที่จะมานั่งคิดถึงการย้ายออฟฟิศ

เรื่องการย้ายถือเป็นรอง ๆ ไป แต่ก็ถือว่ามีทั้งทุกข์และสุข หลาย ๆ อย่างในช่วง 20 ปีที่จำกันได้ไม่ลืมคือ น้ำท่วมใหญ่ ส่วนความสุขหลาย ๆ อย่างก็มีแทรกเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จของการขึ้นเป็นอันดับหนึ่งรถยนต์นั่งในเมืองไทย ก็มาจากที่นั่น 3 ปีติดต่อกัน ก็ที่นั่น พอถึงเวลาที่จะย้ายออฟฟิศ ก็ถือโอกาสปรับปรุงสถานที่สภาพแวดล้อมในการทำงานซะเลย เราอยากจะทำมานานแล้วให้ดียิ่งขึ้นไปกว่าเดิม แต่ไม่ได้หมายความว่าที่เดิมแย่นะครับ

ฮอนด้าไม่ได้มองว่า สถานที่ทำงานเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการทำงานให้ประสบความสำเร็จ ตัวบุคลากรต่างหากเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ

แต่พอมีโอกาสที่จะย้ายสถานที่ ก็พยายามทำให้สถานที่นั้น ๆ เอื้อให้ทุกคนได้มีความยืดหยุ่นในการที่จะสร้างแรงบันดาลใจ สร้างเรื่องใหม่ ๆ และทำให้ตัวเองสามารถแม็กซิไมซ์ศักยภาพของตัวเองให้มากที่สุด และมีความสุขกับการทำงาน นั่นก็คือ หลักใหญ่ในการออกแบบ

เรียบง่ายแบบมีสไตล์

ฮอนด้ามีคอนเซ็ปต์ง่าย ๆ 3 อัน อย่างแรกคือ รูปแบบเรียบง่ายแต่ทันสมัยอันนี้เป็นแนวของฮอนด้าไม่ได้เน้นความหรูหราอย่างที่สอง ต้องการให้เฟลกซิบิลิตี้จัดกลุ่มรูปแบบงานออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆส่วนหนึ่งไม่จำเป็นต้องนั่งที่โต๊ะเดิม ๆ เช่นนั่งคิดงาน ดูแลดีลเลอร์ นาน ๆ เข้าออฟฟิศกับอีกส่วนจำเป็นต้องนั่ง เพราะจะมีคนเข้ามาหาติดต่อเป็นส่วนแบ็กออฟฟิศ

คนที่ไม่จำเป็นต้องมีโต๊ะประจำ อยากนั่งตรงไหนก็นั่ง บางคนไม่อยากนั่งใกล้หัวหน้า แต่ถูกบังคับก็สามารถใช้วิธีมาแต่เช้าหน่อย พอหัวหน้าเข้าออฟฟิศก็หาเหตุมูฟไปไกล ๆ ได้ (หัวเราะ)

โต๊ะทำงานถ้าเราไปฟิกซ์บางครั้งคุณได้ตำแหน่งที่คุณไม่ชอบ คุณก็ต้องทนอยู่ตลอด ฮอนด้าเลยต้องเปิดกว้างให้แฟลกซิเบิลได้รวมทั้งโซนด้านหลัง ก็เป็นโซนที่พนักงานทานอาหารกลางวันกัน เราเรียกว่าเป็น ดรีมสเปซ มานั่งทำงานแล้วก็สามารถประชุมหารือกันได้ด้วย พร้อมวิวเมืองแบบพาโนรามา

ครองที่หนึ่ง 4 เซ็กเมนต์

บอสใหญ่ฮอนด้ากล่าวถึงผลดำเนินการของฮอนด้าในช่วงครึ่งปีแรก จากภาพใหญ่ของตลาดรถยนต์ฮอนด้ามองว่าตลาดฟื้นแล้วจริง ๆ ฟื้นชัดเจนเมื่อปีที่แล้ว เริ่มฟื้นและเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จากภาพรวมเศรษฐกิจที่โตขึ้น 3-4%และปีนี้มีหลายค่ายที่มีรถรุ่นใหม่ออกมาเยอะ ก็มีส่วนผลักดันให้ตลาดโต

มั่นใจว่าปีนี้ตลาดรวมถึง 9.5 แสนคันบวก ๆ ส่วนของฮอนด้าเองช่วง 6 เดือนขายได้ 59,838 คันมากกว่าแผนเล็กน้อย กวาดแชร์มา 26%

ฮอนด้าสามารถเป็นที่ 1 ได้ใน 4 เซ็กเมนต์ ได้แก่ ซับคอมแพ็กต์ (ซิตี้ และแจ๊ซ), คอมแพ็กต์ (ซีวิค และซีวิค แฮตช์แบ็ก) แฟมิลี่ (แอคคอร์ด และแอคคอร์ด ไฮบริด) และเอสยูวี (บีอาร์-วี เอชอาร์-วี และซีอาร์-วี) ส่วนยอดขายทั้งปีฮอนด้าคิดว่าได้ตามเป้าที่ 126,000 คันแน่นอน อาจจะมากกว่าเล็กน้อย

บุกรถขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์

ทิศทางการทำธุรกิจของฮอนด้าประเทศไทยก็จะเป็นไปตามทิศทางของโกลบอลฮอนด้าตั้งใจพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อที่จะสนับสนุนศักยภาพการเดินทางทีนี้มาดูตัวโปรดักต์ ทิศทางการพัฒนาโปรดักต์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ก็มีความชัดเจนขึ้นว่าจะไปในทิศทางไหน หลัก ๆ ไปในทิศทางของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า

เริ่มจากไฮบริด, ปลั๊ก-อิน ไฮบริด, แบตเตอรี่อีวี, รวมไปถึงฟิวเซลล์ ส่วนตัวไหนจะมาก่อนมาหลังหรือจะมาเร็วแค่ไหนนั้นพูดยาก

ลำดับอาจจะเป็นแบบนั้น แต่อยากจะสคริปต์บางตัวไป ส่วนจะไปรถอีวีเลยหรือเปล่านั้นยังมีปัจจัยอีกหลายอย่าง ทั้งต้นทุน แบตเตอรี่ อินฟาสตรักเจอร์ ทั้งการสนับสนุนของนโยบายภาครัฐ ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศทั่วโลก และสุดท้ายก็คือความพร้อมของผู้บริโภค เหล่านี้คือปัจจัยที่จะเป็นตัวกำหนดสำหรับเวลาที่เหมาะสม

กวาดรางวัลแบรนด์น่าเชื่อถือ 

ในเรื่องแบรนด์ฮอนด้าให้ความสำคัญมาตลอด ต้องการเป็นแบรนด์ที่เป็นที่ชื่นชอบ เป็นที่เชื่อมั่น ซึ่งฮอนด้าสามารถทำได้ตามนั้น ถ้าดูจากผลการสำรวจ ฮอนด้าได้รับรางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม (TAQA-Thailand Automotive Quality Award)

ด้านภาพลักษณ์ดีเด่นประเภทยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ (trusted brand) 6 ปีติดต่อกัน (ตั้งแต่ปี 2555-2560) แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในแบรนด์ฮอนด้ามาอย่างต่อเนื่อง

ฮอนด้าโฟกัสที่ลูกค้า

และจากพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งการใช้ชีวิตของลูกค้า โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ๆ นั้น เปลี่ยนแปลงไปเป็นดิจิทัลไลฟ์มากขึ้น

ต้องการความเป็นตัวของตัวเองที่ชัดเจนมากขึ้น นั่นคือโจทย์ที่ฮอนด้าจะต้องต่อยอดการทำแบรนด์ไปในทิศทางนั้น ๆ

ลักษณะของการเอ็นเกจหรือการเชื่อมต่อกับผู้บริโภค หรือการสื่อสาร การใช้สื่อที่เป็นโซเชียลมีเดียต้องมีมากขึ้นตามเทรนด์ในปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสถานการณ์ เทคโนโลยีจะเปลี่ยนไปอย่างไร

สิ่งที่ฮอนด้าไม่เคยเปลี่ยน และเป็นสิ่งที่ฮอนด้าโฟกัสมากที่สุด คือ ลูกค้าการที่ฮอนด้าโฟกัสได้ตรงแบบต้องการ ก็มาจากบุคลากรที่ทำงานกันที่นี่ ด้วยการพัฒนาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปหรือความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป แล้วก็โอเปอเรชั่นให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เหล่านี้คือไดเร็กชั่นการทำงานชาวฮอนด้า