ส่องบูทฮอนด้า CES2019 สัมผัส…สุดยอดเทคโนโลยี

รายงานโดย วุฒิณี ทับทอง

ถือเป็นโอกาสอันดี ที่ “ฮอนด้าไทยแลนด์” พาสื่อมวลชนข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อสัมผัสและทดสอบกับเจ้ารถธงคันใหม่ อย่าง”ฮอนด้า แอคคอร์ด” ไกลถึงสหรัฐอเมริกา ตลาดที่รถรุ่นนี้ได้รับความนิยมและถือเป็นตลาดใหญ่มาก

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียโอกาส “พิทักษ์ พฤทธิสาริกร” นายใหญ่ พร้อมทีมงานคุณภาพตัดสินใจพาคณะผู้ร่วมทริปแวะเข้าชมงาน CES 2019 (Consumer Electronics Show) ซึ่งถือเป็นงานจัดแสดงนิทรรศการผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีและอิเล็กทรอนิกส์ ที่ว่ากันว่าใหญ่ที่สุดในโลกใบนี้ โดยงานจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ที่เมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา

ในงานมีการจัดแสดงสินค้าเทคโนโลยีต่าง ๆ จากทั่วโลก มีนวัตกรรมเทคโนโลยีล่าสุด และชี้เทรนด์ที่กำลังจะมุ่งไปข้างหน้า ทั้งไอที, รถยนต์, ยานพาหนะ, หุ่นยนต์ ข้าวของอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ จากทุกมุมโลก

ปีนี้ ฮอนด้า มอเตอร์ เข้าร่วมงานเป็นปีที่ 4 นับตั้งแต่ปี 2016 หรือ 2559 และได้เข้าร่วมงานต่อเนื่องมา โดยงานในปีนี้ ฮอนด้ายังคงสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อมอบความสะดวกสบาย ลดการปล่อยคาร์บอน และช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันมีความสะดวกสบาย

ภายใต้เทคโนโลยีเพื่อการขับเคลื่อน (mobility) โรโบติกส์ (robotics energy)และการจัดการพลังงานสุดล้ำ (management) เพื่อทำให้ชีวิตประจำวันที่สะดวกสบาย และยังเป็นการเสนอแนวคิดที่เชื่อมต่อเทคโนโลยีนวัตกรรมหลักที่ “ฮอนด้า อินโนเวชันส์” ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยและพัฒนา หรือ R&D ของฮอนด้า ตั้งอยู่ในซิลิคอนวัลเลย์

โดยฮอนด้ามีความร่วมมือใหม่ ๆ กับกลุ่มธุรกิจสตาร์ตอัพและแบรนด์พันธมิตรชั้นนำ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมแบบเปิด (open innovation) ผ่าน Honda Developer Studio และ Honda Xcelerator เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมที่พร้อมทำให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลง อีกทั้งสร้างการขับเคลื่อนส่งเสริมและเปิดกว้างในการสร้างสรรค์นวัตกรรมแบบเปิด (open innovation) ส่วนผลงานที่ฮอนด้านำมาจัดแสดงในงานครั้งนี้ถือเป็นไฮไลต์สำคัญ เริ่มต้นกันที่

Honda Autonomous Work Vehicle ต้นแบบยนตรกรรมออฟโรดขับเคลื่อนอัตโนมัติ เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งฮอนด้าจะแสดงการทดสอบในสภาวะการใช้งานจริงของ Honda Autonomous Work Vehicle ที่ผสานคุณสมบัติของรถ ATV (all-terrain vehicle) ของฮอนด้า และเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติอันล้ำสมัยเข้าด้วยกัน ซึ่งได้รับการออกแบบโดยศูนย์วิจัยและพัฒนาแห่งนี้ เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการทำงาน สำหรับหน่วยงานราชการและธุรกิจต่าง ๆ เพื่อใช้ในงานก่อสร้าง เกษตรกรรม ภารกิจค้นหาและช่วยชีวิต ตลอดจนการดับเพลิง

เจ้า Honda Autonomous Work Vehicle ใช้ช่วงล่างของรถ ATV ของฮอนด้า ซึ่งผ่านการพิสูจน์และเป็นที่ยอมรับมายาวนานกว่า 30 ปี มีจุดเด่นในการบุกตะลุยพื้นที่ทุรกันดารที่เข้าถึงยาก ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่แข็งแรงและสมบุกสมบัน มาพร้อมระบบจีพีเอสและระบบขับขี่อัตโนมัติที่ทำงานด้วยเซ็นเซอร์ ซึ่งสามารถนำทางยานพาหนะได้ในทุกสภาพแวดล้อม อีกทั้งแท่นยึดอุปกรณ์ที่ออกแบบเป็นพิเศษให้สามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ได้ไม่จำกัด

มีแหล่งพลังงานที่ติดตั้งอยู่ในตัวรถ เผยโฉมครั้งแรกในงานนี้เมื่อปีก่อน ในชื่อ 3E-D18 ฮอนด้าได้ทำงานร่วมกับพันธมิตร เช่น บริษัทผู้ให้บริการด้านพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา หน่วยงานควบคุมไฟป่าในโคโลราโด และวิทยาลัยด้านวิทยาศาสตร์การเกษตรและ

สิ่งแวดล้อมในแคลิฟอร์เนีย เพื่อทดสอบและประเมินผลลักษณะการใช้งานจริงในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน โดย Honda Autonomous Work Vehicle ยังอยู่ในขั้นตอนของการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

และฮอนด้ายังคงแสวงหาพันธมิตรอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาอุปกรณ์เสริมและขยายขีดความสามารถในการใช้งาน ขยายประเภทธุรกิจที่ต้องการใช้งานพาหนะประเภทนี้ และพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติและเซ็นเซอร์เพื่อปรับปรุงระบบขับขี่อัตโนมัติแบบออฟโรด หน่วยงานธุรกิจและพันธมิตรทางเทคโนโลยีที่มีความสนใจสามารถติดต่อทางฮอนด้าได้ ที่อีเมล์ [email protected]

SAFE SWARM มาจากการได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติในการพัฒนาแนวคิด SAFE SWARM โดยมีจุดประสงค์ให้รถยนต์สามารถสื่อสารกันผ่านระบบไร้สายและการจราจรมีความลื่นไหลและคล่องตัว เหมือนการเคลื่อนไหวของฝูงปลา SAFE SWARM ใช้เทคโนโลยี vehicle-to-everything (V2X) เพื่อให้รถยนต์สามารถติดต่อสื่อสารกับรถยนต์คันอื่นที่อยู่รอบข้าง และแชร์ข้อมูลสำคัญ

เช่น ตำแหน่งและความเร็วของรถ ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ นี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่รถยนต์ หรือระบบขับขี่อัตโนมัติสามารถนำข้อมูลมาประมวลผลร่วมกับเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งภายในรถ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลภายใต้สภาพแวดล้อม สภาพการจราจรรอบตัว เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในสถานการณ์ที่อาจเกิดอุบัติเหตุได้ ฮอนด้าเชื่อมั่นว่าการเชื่อมโยงผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนเข้าด้วยกัน จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมในการเดินทางที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ลดจำนวนอุบัติเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น และในที่สุดจะนำไปสู่การสร้างสังคมปลอดอุบัติเหตุให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง

ฮอนด้ามุ่งมั่นที่จะทำให้การจราจรคล่องตัวขึ้น โดยอาศัยข้อมูลจากรถยนต์ที่วิ่งอยู่ด้านหน้ามาประมวลผลเพื่อลดการจราจรที่ติดขัด หรือคำนวณการเบรกรถยนต์ได้ล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการเบรกกะทันหัน หรือการเปลี่ยนเลนเมื่อจำเป็น ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถประมวลได้ผ่านระบบการสื่อสาร V2X ที่ติดตั้งในตัวรถ ที่ประสานการทำงานกับเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งในรถ หรือแม้แต่เซ็นเซอร์ในระบบโครงสร้างพื้นฐานของพื้นที่นั้น ๆ

หลังจากการเปิดตัวแนวคิด SAFE SWARM ครั้งแรกในงาน CES 2017 ฮอนด้าได้ทำการทดสอบในสนามปิด และจะทำการประเมินแนวคิดนี้ในสภาพแวดล้อมการขับขี่จริงที่ 33 Smart Mobility Corridor ในรัฐโอไฮโอ เพื่อให้การทดสอบ SAFE SWARM มีความรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ฮอนด้ากำลังมองหาพันธมิตรด้านวิจัยและพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับระบบการขนส่งอัจฉริยะ (intelligent transportation system-ITS) รวมถึงพันธมิตรทางด้านระบบการเชื่อมต่อและรถยนต์ไร้คนขับ (connected and automated vehicle-CAV) โรโบติกส์ เพื่อยกระดับและเพิ่มศักยภาพในการใช้ชีวิต

การเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีด้านโรโบติกส์ในหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์แห่งโลกอนาคตที่อุปกรณ์หุ่นยนต์จะเข้ามาทำหน้าที่ช่วยเหลือและเสริมศักยภาพการใช้ชีวิตของมนุษย์

Honda P.A.T.H. (Predicting Action of The Human) Bot คือ หุ่นยนต์ที่สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวเองในสถานที่สาธารณะโดยไม่รบกวนผู้คนรอบข้าง สร้างขึ้นจากเทคโนโลยี AI มาพร้อมกล้องและเซ็นเซอร์ติดตั้งในตัว ใช้ในการระบุตำแหน่งของตัวเอง และจดจำสภาพแวดล้อมรอบข้าง ทำให้สามารถเคลื่อนที่ไปยังที่หมายต่าง ๆ ได้โดยไม่ชนสิ่งกีดขวางและสามารถเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดได้ด้วยตัวเอง ซึ่งตอนนี้ฮอนด้ากำลังมองหาพันธมิตรที่จะมาร่วมทดสอบการใช้งาน P.A.T.H. Bot ร่วมกัน

Honda RaaS (Robotics as a Service) Platform ซึ่งเป็นแนวคิดแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์สำหรับฟังก์ชั่นการทำงานทั่วไป เช่น การเก็บและแชร์ข้อมูล การควบคุมการสื่อสาร การเปลี่ยนแปลงสถานะ และการร่วมมือกันระหว่างหุ่นยนต์ผ่านอินเทอร์เฟซ หรือแพ็กเกจ API2 และ SDK3 โดยมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้เกิดการบูรณาการของบริการโรโบติกส์ ผ่านการทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์หุ่นยนต์ ระบบและแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ซึ่งพัฒนาโดยฮอนด้าและพันธมิตรที่ฮอนด้ากำลังมองหาความร่วมมือจากผู้พัฒนาอุปกรณ์หุ่นยนต์ และผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านโรโบติกส์เพื่อให้เทคโนโลยีนี้เกิดขึ้นจริง

นอกจากนี้ ฮอนด้ายังเผยโฉม Honda Omni Traction Drive System ซึ่งเป็นเทคโนโลยีควบคุมการทรงตัวที่มาพร้อมระบบล้อขับเคลื่อนรอบทิศทาง ซึ่งพัฒนามาจากการค้นคว้าและวิจัยด้านโรโบติกส์ของฮอนด้า ซึ่งอยู่ในหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ของฮอนด้า อาซิโม(ASIMO) ซึ่งช่วยให้ยูนิ-คับ (UNI-CUB) พาหนะส่วนบุคคลสามารถเคลื่อนที่ได้รอบทิศทางอย่างเป็นธรรมชาติ

ในงาน CES 2019 ครั้งนี้ Honda Developer Studio ได้นำรถยนต์ฮอนด้า พาสสปอร์ต โฉมใหม่ปี 2019 มาใช้ในการสาธิตประสบการณ์การขับขี่แบบ Honda Dream Drive ที่เหนือชั้นกว่าเดิม โดย Honda De-veloper Studio ได้ร่วมมือกับ DreamWorks Animation สร้างสรรค์ Honda Dream Drive ขึ้น ซึ่งเป็นการจำลองประสบการณ์แบบเสมือนจริง (virtual reality-VR)

ที่สอดคล้องกับการเคลื่อนที่ของรถยนต์มาจัดแสดงในงานปีก่อน โดยมีการต่อยอดแพลตฟอร์ม เพิ่มฟีเจอร์ ฟังก์ชั่นใหม่ ๆ รวมทั้งการจำลองสถานการณ์ต่าง ๆ สำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เช่น สำหรับผู้ขับขี่ ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นจากการต่อยอดแนวคิดเทคโนโลยีการชำระเงินในรถยนต์ ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในงาน CES 2017 เป็นระบบที่ช่วย

ให้ผู้ขับขี่สามารถจองร้านอาหาร จ่ายค่าสินค้าและบริการ ทั้งค่าน้ำมัน บัตรชมภาพยนตร์ และค่าที่จอดรถและแชร์ตำแหน่งที่อยู่ของผู้ขับ โดยทั้งหมดนี้สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ผ่านระบบกระเป๋าเงินอัจฉริยะที่ติดตั้งอยู่ในรถฮอนด้า สำหรับผู้โดยสาร ประกอบด้วยเกมแบบมิกซ์เรียลิตี้ ภาพยนตร์ และแอปพลิเคชั่นด้านการเดินทาง รวมทั้งการควบคุมวิทยุและอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในห้องโดยสารผ่านทางโทรศัพท์มือถือ

ในอนาคตยังเตรียมเปิดตัวแนวคิดระบบสะสมคะแนนสำหรับลูกค้า โดยฮอนด้าพัฒนาประสบการณ์ Honda Dream Drive ด้วยความร่วมมือกับผู้นำในอุตสาหกรรมค้าปลีก และเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ด้วยเจตนารมณ์ของฮอนด้าที่จะร่วมเสริมสร้างระบบนิเวศสำหรับสตาร์ตอัพในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก โครงการ Honda Xcelerator จะมุ่งเน้นการร่วมมือกับสองสตาร์ตอัพ คือ Noveto Systems และ Percep-tive Automata เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยในการขับขี่

สำหรับเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ฮอนด้าได้นำมาเสนอครั้งนี้ นอกจากต้องการโชว์ให้เห็นถึงความสำเร็จอีกขั้นของการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมแล้ว ฮอนด้ายังได้เตรียมนำความสำเร็จมาใช้กับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของบริษัทในอนาคต และสิ่งสำคัญที่เป็นหมุดหมายหลัก คือ การมองหาความร่วมมือใหม่ ๆ จากพันธมิตรและผู้ที่สนใจเพื่อร่วมกันพัฒนา โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีมาร่วมขับเคลื่อนโลกใบนี้ให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นเพื่อคนรุ่นต่อไป