“พีทีจี” ทุ่ม 5 พันล้าน ขึ้นเบอร์ 2 ธุรกิจพลังงาน

เอ่ยชื่อยักษ์ใหญ่ในธุรกิจพลังงาน น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก “พีทีจี เอ็นเนอยี หรือ PTG” ยิ่งระยะหลังประกาศตัวชัดเจนเป็นผู้นำด้านบริการในธุรกิจพลังงานครบวงจร

โดยปี 2562 ที่ผ่านมาสามารถก้าวสู่สถานีบริการน้ำมันที่มียอดขายอันดับ 2 ของประเทศ

ขณะที่ปี 2563 พิทักษ์ รัชกิจประการประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) วางกลยุทธ์การลงทุนไว้อีก 5,000 ล้านบาท ขยายธุรกิจสร้างรายได้ต่อเนื่อง ตั้งเป้ายอดขายธุรกิจน้ำมันโต 15-20% สถานีบริการน้ำมันเพิ่มเป็น 2,200 แห่ง

พร้อมทั้งเจาะธุรกิจ LPG ภาคครัวเรือน รวมถึงตอบแทนลูกค้าผ่าน PT Max Card ระดับ prestige ยกระดับและเพิ่มสิทธิประโยชน์ ตั้งเป้าขยายฐานสมาชิกเพิ่มเป็น 15 ล้านสมาชิก และที่ไม่เคยลืมเดินหน้าโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์สนองนโยบายรัฐ พร้อมจำหน่าย B10 ในสถานีบริการน้ำมัน

ผลงานปี”62 ทะลุเป้า

ปี 2562 ที่ผ่านมานับเป็นอีกปีที่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเราได้วางรากฐานให้พีทีจีก้าวขึ้นไปเป็นมากกว่าธุรกิจพลังงาน ซึ่งบนความมุ่งมั่นทุ่มเทที่เราทำมาโดยตลอด ส่งผลให้เราก้าวขึ้นเป็นผู้นำสถานีบริการน้ำมันที่มียอดขายอันดับ 2 ของประเทศได้อย่างเต็มภาคภูมิ

และเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าในปี 2563 ที่เรากำลังก้าวสู่ปีที่ 33 นี้ จะเป็นปีที่น่าจับตามองกับความสดใหม่มากมายที่กำลังจะเกิดขึ้นรับกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ เรารู้สึกภูมิใจในความสำเร็จหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเติบโตธุรกิจน้ำมันที่ขยายตัวถึง 19.4% โดยมาจากรถใช้เพื่อเชิงพาณิชย์เป็นหลัก อย่างไรก็ดี เราพยายามขยับเข้ามาในพื้นที่ตัวเมืองมากยิ่งขึ้นเพื่อที่จะจับกลุ่มลูกค้ารถยนต์ส่วนบุคคลมากขึ้นด้วย

ขณะที่จำนวนสถานีบริการน้ำมันและก๊าซทะลุ 2,000 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ถึง 7.6% จำนวนบัตรสมาชิก PT Max Card ครบ 12.6 ล้านสมาชิก อีกทั้งกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเติบโตอยู่ที่ 50.2% และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 150.6% จากปีที่แล้ว ด้วยอัตรากำไรที่สูงขึ้น รวมถึงการออกนโยบายรัดกุมเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ

ทุ่มลุย 3 กลุ่มธุรกิจ

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2563 จะเป็นปีที่โดดเด่นในทุกมิติของพีทีจี โดยวางแผนใช้งบฯลงทุนราว 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มธุรกิจหลัก 4,000 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจน็อนออยล์ 500 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจใหม่ 500 ล้านบาท เพื่อสร้างรายได้ทางธุรกิจ โดยวางเป้ายอดขายน้ำมันเติบโตขึ้น 15-20% เพิ่มจำนวนสถานีบริการเป็น 2,200 แห่ง พร้อมรุกธุรกิจใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น รวมถึงขยายฐานสมาชิกผู้ถือบัตร PT Max Card เพิ่มเป็น 15 ล้านสมาชิก

ซึ่งภายหลังจากการสำรวจสถิติ พบว่า 72% ของสมาชิกนำ PT Max Card มาใช้ที่สถานีบริการเป็นประจำ ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีความตั้งใจที่จะยกระดับความพิเศษแก่ลูกค้าประจำไปอีกขั้น ด้วยการออกบัตร PT Max Card ระดับ prestige นับเป็นรายแรกในกลุ่มธุรกิจและเป็นมิติใหม่ของการยกระดับบัตรด้วยสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นเพื่อตอบแทนลูกค้าอย่างแท้จริง อีกทั้งยังมุ่งหาพันธมิตรรายใหม่ ๆ ที่จะมาช่วยทำให้ PT MaxCard กลายเป็นบัตรที่มีดีลดี ๆ ที่จะมาเติมเต็มไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอย่างแท้จริง ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ทางแบรนด์ได้จับมือกับอ๊อตเทริ วอช แอนด์ ดราย และกลุ่มบริษัทฟาร์มโชคชัย เพื่อนำเสนอสิทธิประโยชน์อันมากมายและไม่เหมือนใครให้กับลูกค้า PT Max Card

รับลูกรัฐขาย B10 ทุกปั๊ม

ปีนี้เราเตรียมพร้อมจัดจำหน่าย B10 ในสถานีบริการน้ำมันภายในวันที่ 1 มีนาคม 2563 นี้ตามนโยบายของภาครัฐ ซึ่งข้อดีของ B10 คือช่วยลดมลพิษและปริมาณฝุ่น PM 2.5 สร้างสมดุลอุตสาหกรรมปาล์มของประเทศ สร้างสมดุลปริมาณการใช้ในภาคพลังงานและเพื่อการบริโภค ตลอดจนสร้างเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมัน ขณะที่การขยายตัวของ B20 เราเป็นไปอย่างรวดเร็วแต่รอบคอบ โดยมุ่งเน้นจุดจำหน่ายที่มีศักยภาพทำให้ปีที่ผ่านมาเรามีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 32.1% ในส่วนของโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ ที่จะเดินเครื่องเต็ม 100% ในปี 2563 นี้ จะมีกำลังการผลิตไบโอดีเซล (B100) 500,000 ลิตรต่อวัน และน้ำมันปาล์มเพื่อบริโภค (โอเลอิน) 200,000 ลิตรต่อวัน

ทั้งนี้ จากนโยบายภาครัฐในการเพิ่มสัดส่วนการผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ในน้ำมันดีเซล 10% หรือ B10 จากเดิม B7 ทำให้ความต้องการน้ำมันไบโอดีเซลขยายตัว ส่งผลบวกต่อธุรกิจ โดยปัจจุบันโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์เตรียมพร้อมเดินเครื่องเพื่อรองรับนโยบายรัฐบาลอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันธุรกิจก๊าซ LPG กำลังไปได้สวย

โดยบริษัทตั้งเป้าว่าภายในปี 2563 เราจะขึ้นแท่นเป็นผู้ให้บริการสถานีก๊าซ Auto LPG อันดับ 1 ในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังเตรียมขยายธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ภาคครัวเรือน เนื่องจากเห็นโอกาสในการทำตลาด จากปัจจุบันที่มีการจำหน่าย LPG ผ่านสถานีบริการในภาคขนส่งเท่านั้น โดยพีทีจีคาดว่ายอดขายในส่วนของ LPG จะเติบโตได้ 30-40% จากปีที่แล้ว

เติบโตยั่งยืน

หัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจของพีทีจี คือ มุ่งมั่นสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจของกลุ่มบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี และคู่ค้าพันธมิตรตลอดห่วงโซ่อุปทานในระยะยาว สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งทางตรงและทางอ้อม มีการแบ่งปันคุณค่าต่อสังคมในรูปแบบต่าง ๆ ร่วมกันทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมผ่านการดำเนินกิจกรรมหลากหลายรูปแบบที่ทำต่อเนื่องมาทุกปี อาทิ จัดงานวิ่งการกุศล การลงพื้นที่สร้างฝายที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทับลาน การบริจาคทุนการศึกษาและอุปกรณ์การเรียนแก่โรงเรียนต่าง ๆ จัดทำคลินิกฟุตบอลสอนการเล่นฟุตบอลเพื่อให้เยาวชนนำมาต่อยอดและเสริมสร้างสุขภาพ หันมาเล่นกีฬา การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม การจัดกิจกรรมสร้างสุขแก่ชุมชน เช่น หน่วยตรวจทันตกรรมเคลื่อนที่ จัดนิทรรศการความรู้เรื่องทรัพยากรทางทะเล ขยะทางทะเล และงานจัดแสดงสินค้า OTOP เป็นต้น

โดยมุ่งเน้นการสร้างค่านิยมองค์กรให้พนักงานพีทีจีทุกคนมีส่วนร่วมคืนประโยชน์สู่สังคมไทย