ฮอนด้า คลาริตี้ ฟิวเซลล์ แรง…รักษ์โลก

คอลัมน์ เทสต์คาร์ โดย วุฒิณี ทับทอง

บนเวทีบางกอก มอเตอร์โชว์ บ้านเรา หากใครเดินไปที่บูทฮอนด้า จะเห็นรถยนต์ซีดานคันงามสีขาวเด่นสง่า ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ไฮไลต์เทคโนโลยีเพื่อการเดินทางและการใช้ชีวิตในโลกอนาคตของ “ฮอนด้า” ที่ถูกนำมาให้ชาวไทยได้ยล

สำหรับ “ฮอนด้า คลาริตี้ ฟิวเซลล์” ยนตรกรรมพลังงานไฮโดรเจน ปราศจากไอเสีย ฮอนด้าตั้งใจนำมาจัดแสดงเพื่ออัพเดตเทรนด์เทคโนโลยียานยนต์ที่จะขับเคลื่อนในอนาคต

รถคันนี้ได้รับการออกแบบให้เป็นรถยนต์นั่ง ซีดาน ขนาด 5 ที่นั่ง พัฒนาขึ้นมาภายใต้กลยุทธ์ 3 in 1 แพลตฟอร์ม ซึ่งมีเครื่องยนต์ให้เลือก 3 แบบ คือ คลาริตี้ ฟิวเซลล์, คลาริตี้ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด และคลาริตี้ อีวี (รถยนต์ไฟฟ้า)

ก่อนหน้านี้ “ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสทดสอบ ฮอนด้า คลาริตี้ ทั้งรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานเซลล์เชื้อเพลิง และรุ่นปลั๊ก-อิน ไฮบริด ณ สนามทดสอบรถยนต์ “ทวิน ริงโมเตกิ” สนามแข่งรถอันเลื่องชื่อของญี่ปุ่น และยังเป็นสนามที่ฮอนด้าใช้สำหรับการพัฒนารถยนต์ ที่ตั้งอยู่ใน จ.โทะชิงิ ญี่ปุ่น

อย่างที่บอกว่า “คลาริตี้” เป็นรถยนต์ที่ได้รับการพัฒนา โดยใช้แพลตฟอร์มเดียวกัน การออกแบบภายนอก เน้นถึงความเรียบหรู ดูพรีเมี่ยม มีดีไซน์ ทั้งเส้นสายที่ฮอนด้าตั้งใจออกแบบมา รับรองว่าใครผ่านไปผ่านมา ต้องสะดุดตากับรถคันนี้

ภายในห้องโดยสารนั้นกว้างขวาง เน้นความโปร่ง สบาย อัดแน่นด้วยเทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งด้านความปลอดภัย และความบันเทิง เรียกว่ามีไว้ครบครัน เครื่องเสียงแบบหน้าจอสัมผัส รองรับแอนดรอยด์ออโต และแอปเปิล คาร์เพลย์

สำหรับคลาริตี้ ที่ทีมงานฮอนด้าให้สื่อมวลชนไทยได้สัมผัส ครั้งนั้นเป็นรุ่นฟิวเซลล์ ที่ขายแล้วในตลาดอเมริกา เมื่อปลายปี 2559 และปลั๊ก-อิน ไฮบริด ซึ่งฮอนด้าได้ทำตลาดในอเมริกา เมื่อปลายปีที่ผ่านมา

ฮอนด้าเคลมไว้สำหรับรุ่นฟิวเซลล์นั้น ได้ติดตั้งแผงเซลล์เชื้อเพลิงที่มีขนาดเล็กลง แต่เพิ่มพลังงานได้มากขึ้น เมื่อเติมก๊าซไฮโดรเจนเต็มถัง วิ่งได้ 600 กิโลเมตร โดยใช้เวลาในการเติมเพียง 3 นาทีเท่านั้น

ส่วนคลาริตี้ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด กำลังที่ได้สูงสุดเมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ เพื่อให้ได้กำลัง 181 แรงม้า ใช้เวลาชาร์จไฟ 2.5 ชม. วิ่งในโหมดไฟฟ้า ร่วมกับการทำงานของเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ได้ระยะทางรวมเกือบ 550 กม. แต่หากเลือกโหมดไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ทำระยะทางได้ไกลสุดประมาณ 75 กิโลเมตร

ทั้ง 2 รุ่นมีจุดต่างเล็กน้อย รุ่นปลั๊ก-อิน ไฮบริดนั้นยังสามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ 3 โหมด คือ โหมดปกติ โหมดประหยัด โหมดสปอร์ต

หลังจากได้ทดสอบทั้ง 2 รุ่น ถือว่าค่อนข้างประทับใจกับช่วงล่างที่เซตได้ดี บวกกับแรงกำลังของเครื่องยนต์ ให้ความรู้สึกและอรรถรสในการขับขี่ไม่ได้แตกต่างจากรถที่ใช้เครื่องยนต์ทั่วไป จะดูดีกว่าด้วยซ้ำในเรื่องของพละกำลัง และการตอบสนอง แค่กดแป้นคันเร่งเบา ๆ เครื่องยนต์พร้อมทะยานไปข้างหน้าทันที จังหวะความแม่นยำของพวงมาลัย และการเข้าโค้ง ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าประทับใจ

แม้การทดสอบครั้งนี้จะถูกควบคุมความเร็ว แต่จากการจับอาการในฐานะผู้โดยสาร เมื่อได้รับเกียรติจาก “โยชิฮิโร อาซูมิ” ผู้ช่วยหัวหน้าทีมวิศวกร เป็นผู้โชว์ฝีมือ นำคลาริตี้ ฟิวเซลล์ เรซซิ่ง สเปเชี่ยล ที่ถูกปรับให้เป็นรถแข่งที่คว้ารางวัล All Japan EV Grand Prix เมื่อปี 2016 มาครอง

ฉะนั้นเรื่องความแรงจัดจ้าน ไม่ต้องพูดถึง… ถึงตรงนี้บอกได้เลยว่า รถรักษ์โลก ไม่จำเป็นจะต้องละทิ้งเรื่องของสมรรถนะลงไป เพราะ คลาริตี้คันนี้มีครบ…