Market-think สรกล อดุลยานนท์
แม้โควิดยังไม่คลี่คลาย แต่ก็มีคนเริ่มคิดถึง “โลกหลังโควิด” ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขายมิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
อย่าลืมว่าเราอยู่กับ “โควิด” มานานถึงปีครึ่งแล้ว
“โควิด” บังคับให้เราเปลี่ยนแปลง
เปลี่ยนทั้งวิธีคิดและวิถีชีวิต
ใครจะไปนึกว่าโลกที่เราโหยหา คือ ความปกติธรรมดาที่เราเคยชิน
เมื่อวันก่อนที่รัฐบาลคลายล็อกดาวน์ ให้คนนั่งกินในร้านอาหารได้
เชื่อไหมครับ ว่าคนจำนวนมากยอมให้ทางร้านแหย่จมูกตรวจ ATK เพื่อจะได้นั่งกินในร้าน
เพราะโหยหาการกินอาหารที่ร้าน
เหมือนกับที่คนไทยอิจฉาคนอังกฤษที่ได้ดูฟุตบอลในสนามโดยไม่ต้องใส่หน้ากาก
แค่ไม่ต้องใส่หน้ากากในที่สาธารณะ เราก็มี “ความสุข” แล้ว
ความปกติธรรมดาในอดีตกลายเป็น “ความสุข” ที่เราโหยหา
ผมเชื่อว่าระยะเวลาเกือบ 2 ปี ที่เราต้องปรับตัวรับสถานการณ์โควิดทำให้เรามีมุมมองในชีวิตใหม่
เริ่มรู้สึกว่า “ความตาย” อยู่ใกล้ตัวเรามาก
“โควิด” สอนเรื่อง “มรณานุสติ” ให้เราทุกวัน
ผมไม่กล้าสรุปว่า “โควิด” ทำให้ความคิดของคนเปลี่ยนไปอย่างไร แค่ไหน
แต่เชื่อว่าเปลี่ยนแน่นอน
นอกจากนั้น ช่วงเวลาที่ยาวนานทำให้เราได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ
เช่น เวิร์กฟรอมโฮม หรือการใช้ zoom ประชุม
ตอนแรกก็ดี แต่ตอนนี้คนทำงานเริ่มโหยหาการกลับไปทำงานมาก เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม
ทำงานที่บ้านนาน ๆ ก็เบื่อเหมือนกัน
อยากเจอเพื่อนร่วมงานแบบตัวเป็น ๆ บ้าง
แต่ขณะเดียวกันการทำงานที่บ้านทำให้เราค้นพบว่าการทำงานแบบนี้มีประสิทธิภาพใหม่บางอย่างเกิดขึ้นเช่นกัน
และรู้ว่าเราสามารถทำงานที่ไหนก็ได้
“ความเคยชิน” ใหม่นี้เอง น่าจะทำให้พฤติกรรมของคนเปลี่ยนไปหลังจากโควิดคลี่คลาย
ยิ่งคนรุ่นใหม่ยิ่งชอบ
ผมเจอน้อง ๆ หลายคนที่เบื่อทำงานที่บ้าน และเลือกไปทำงานในโรงแรมริมทะเล
เช่าห้องพักเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน
บางคนก็ย้ายที่พักไปเรื่อย ๆ
บางคนไปทำงานริมทะเล 1 สัปดาห์ แล้วกลับมาทำงานใน กทม.
พฤติกรรมใหม่เช่นนี้น่าจะเกิดทั่วโลก ไม่ใช่แค่เมืองไทย
คุยกับ คุณธนินท์ เจียรวนนท์ ครั้งก่อน “เจ้าสัว ซี.พี.” ก็มองแบบนี้
เหมือนกัน
เขาบอกว่า “ลูกค้าใหม่” ที่น่าสนใจของธุรกิจท่องเที่ยว คือ กลุ่มคนทำงานกลุ่มนี้
โดยเฉพาะพวกสตาร์ตอัพ
นั่งทำงานริมทะเล เท่จะตายไป
เมืองไทยมีเสน่ห์ในเรื่องนี้ ใคร ๆ ก็อยากมา
คุณธนินท์มองว่า ถ้าเราดึงสตาร์ตอัพมาพักระยะยาว นอกจากขายห้องพักได้แล้ว
สตาร์ตอัพ 1 คน ก็ต้องจ้างคนทำงาน จ้างคนขับรถ
เงินเข้าประเทศมากกว่านักท่องเที่ยวธรรมดา
คุณธนินท์มองใหญ่ แต่ผมมองแบบเล็ก ๆ
คิดแทนคนทำโรงแรม
นี่คือ “กลุ่มลูกค้าใหม่” ที่น่าสนใจ
แทนที่จะไปแย่งกลุ่มนักท่องเที่ยวกับโรงแรมอื่น ๆ
ถ้ามีโรงแรมไหนปรับสถานที่รับกลุ่มคนทำงานที่เข้าพักระยะยาว
มี co-working space มีระบบอินเทอร์เน็ตดี ๆ มีห้องประชุมเล็กให้เช่า ฯลฯ
ลองหาข้อมูลว่าคนกลุ่มนี้ต้องการอะไร
บางทีจะเป็น “โอกาสใหม่” ทางธุรกิจได้
และที่สำคัญ อาจไม่ใช่แค่ชาวต่างชาติเท่านั้นที่ใช้บริการ
“คนไทย” ที่เคยชินกับระบบการทำงานที่ไหนก็ได้
โดยเฉพาะเจ้าของกิจการ
คนไทยกลุ่มนี้อาจเป็นลูกค้าใหม่ของเราด้วย
ครับ แต่ก่อนจะถึงวันนั้น
เราภาวนาให้เมืองไทยพ้นจากโควิดก่อนดีกว่า