“วิษณุ” ชี้ “อิตาเลียนไทย” ยังไม่ติดแบล็กลิสต์ ชี้คดี “เปรมชัย” เป็นเรื่องส่วนบุคคล

“วิษณุ” ชี้ “อิตาเลียนไทย” ยังไม่ติดแบล็กลิสต์ คดี “เปรมชัย” เป็นเรื่องส่วนบุคคล ลั่นคดีล่าสัตว์ต้องจัดการตามกฎหมายเด็ดขาด อย่าให้มีอะไรวอกแวก หลังไซเตสจับตา

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงข้อสังเกตที่ว่าการจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือไอทีดี ผู้ต้องหาคดีลักลอบล่าสัตว์ป่าคุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จะส่งผลให้ บมจ.อิตาเลียนไทยฯ ถูกขึ้นบัญชีดำ (แบล็กลิสต์) ไม่ให้ได้รับงานโครงการของรัฐหรือไม่ว่า ยังเร็วเกินไปที่จะพูด ยังไม่ถึงขั้นนั้น ทั้งนี้ การกระทำความผิดของนายเปรมชัยเป็นความผิดส่วนบุคคล ไม่ใช่กระทำผิดในนามบริษัท ความเป็นนิติบุคคลกับส่วนบุคคลนั้นต้องแยกจากกัน บริษัทเป็นผู้เข้าประมูล และบริษัทมีผู้ถือหุ้นมากมาย การสัมปทานกับรัฐต้องไปประมูล ดังนั้น จะไปเอาผิดทั้งบริษัทไม่ได้ เพราะคนอื่นอาจไม่ได้รู้เรื่องด้วย เว้นแต่พบว่าจะเชื่อมโยงกับคนอื่น เปรียบเทียบเช่นถ้ามีบรรณาธิการหนังสือพิมพ์กระทำผิด ไม่ได้หมายความว่าพนักงานทุกคนในโรงพิมพ์จะต้องผิด กรณีนี้อาจเป็นไปได้ว่าอิตาเลียนไทยฯอาจต้องปรับเปลี่ยนซีอีโอออกไป และต้องมีการสอบในแง่ธรรมาภิบาลของบริษัทว่ามีอะไรที่พัวพันเกี่ยวข้องกันหรือไม่ อย่างไรก็ดี ขณะนี้เร็วเกินไปที่จะพูดว่ามีความพัวพันกันแล้ว เมื่อถามถึงกระแสในสื่อโซเชียลที่เรียกร้องให้คว่ำบาตรอิตาเลียนไทยฯ รองนายกฯกล่าวว่า เป็นเรื่องของโลกโซเชียล ตนไม่รู้จะพูดอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต่างประเทศให้ความสนใจ จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศไทยหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ดีแล้ว ถูกต้อง เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นที่ไหน ผู้คนก็สนใจทั้งนั้น ถ้าเราอยู่ในประชาคมโลกและอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) ที่เขาดูแลคุ้มครองสัตว์ป่าอยู่ เราต้องให้ความสนใจ 2 เรื่อง คือ คนคนนั้นจะรับผิดอย่างไร จะมีโทษอย่างไร จะเกิดอะไรขึ้น และสนใจว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่ ถ้าไม่มีคือไม่มี อย่างไรก็ตาม ขอให้เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนต่อไป

“คนให้ความสนใจอยู่แล้ว เพราะบริเวณที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่มรดกโลก และไม่ว่าจะเป็นมรดกโลกหรือไม่ แต่สิ่งสำคัญคือ เป็นพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของประเทศไทยที่เราหวงแหน มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจและตื่นเต้นมาก ขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง และเรื่องนี้ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับคุณเปรมชัยหรือไม่ แต่การเข้าป่าล่าสัตว์ไม่ควรมีขึ้นอีกแล้ว ทั้งเป็นบาป ผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม ไม่ถูกต้อง จึงถูกต้องแล้วที่ทุกคนต้องจับตาดูและเอาใจช่วยเจ้าหน้าที่ อย่าพูดอะไรที่เป็นการบั่นทอนหรือหาทางจ้องจับผิด ท่ามกลางคนที่เป็นวีรบุรุษทำสิ่งที่ดี ถ้าจะจับผิดอะไรก็จับผิดได้หมด แล้วถ้าเอาจุดเหล่านั้นมาเป็นเรื่องใหญ่ ผมคิดว่าเป็นการสร้างกระแสมากลบอะไรบางอย่าง ดังนั้น อย่าไปสนใจสิ่งเหล่านั้น แต่ทำให้ความจริงออกมาให้ได้” นายวิษณุกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเทียบเคียงบทลงโทษกับคดีลักลอบล่าสัตว์ในป่าแก่งกระจานที่มีโทษจำคุก 10 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และปรับ 50,000 บาท กับผลกระทบต่อความเสียหายของอุทยานแห่งชาติ คิดว่าจากกรณีนายเปรมชัย ควรจะเพิ่มโทษหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า อย่าเพิ่งไปถึงขั้นนั้น กฎหมายเขียนบทลงโทษไว้รุนแรงในระดับหนึ่ง แต่เมื่อศาลจะนำมาใช้ ต้องคำนึงถึงพยานหลักฐานและพฤติกรรมหลายอย่างในอีกระดับหนึ่งซึ่งอยู่ในเพดานของกฎหมาย ดังนั้น เมื่อเรื่องเกิดขึ้น อย่าเพิ่งรีบไปวิจารณ์ว่าต้องแก้กฎหมายหรือเรียกร้องให้ศาลลงโทษให้หนัก แต่ควรปล่อยให้กระบวนการเดินไป เพราะที่สุดแล้วพยานหลักฐานก็จะปรากฏอยู่ดี

เมื่อถามว่า หากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จะขอแก้ไขกฎหมายกำหนดโทษให้รุนแรงขึ้นนั้น นายวิษณุกล่าวว่า เสนอมาได้ ไม่ยากอะไร ทั้งนี้ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าเพิ่งถูกแก้ไขเกี่ยวกับเรื่องของไซเตสไปไม่นานนี้เอง สมัยที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่ตนจำไม่ได้ว่าแก้ไขเรื่องใด

“อย่าเพิ่งเรียกร้องว่าต้องลงโทษหนัก เพราะเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปแล้ว พอเกิดเหตุ เราก็จะมานึกในภายหลังว่าเสียดายที่เราไปเรียกร้องให้เพิ่มโทษ ยกตัวอย่าง การให้เพิ่มโทษคนละเมิดลิขสิทธิ์ที่ทุกคนสะใจกับการมีโทษสูง แต่วันเวลาผ่านไป มีตาแป๊ะคนหนึ่งที่ไปขายแผ่นซีดีแผ่นเดียวแล้วถูกศาลลงโทษด้วยการปรับเงินไม่รู้กี่แสนบาท นั่นจึงทำให้คนรู้สึกว่าไม่น่าไปเขียนโทษหนัก แล้วเกิดการเคลื่อนไหวขอให้ปรับโทษลงมาอีก ดังนั้น เราจะกลับไปกลับมาตามกระแสไม่ได้ เราต้องคิดถึงเหตุการณ์ตั้งเอาไว้ และถ้าอะไรจะเกิดก็ค่อยเอามาประยุกต์ อย่าพูดตามกระแส พูดตามหลักการดีกว่า” นายวิษณุกล่าว

นายวิษณุยังตอบคำถามที่ว่า ที่ผ่านมาไซเตสวิพากษ์วิจารณ์ไทยต่อเรื่องสัตว์ป่าค่อนข้างมากว่า เขาจะไม่สามารถวิจารณ์เราได้ ถ้าเราเอาจริงเอาจังและจัดการให้เห็น แต่ถ้าสุดท้ายแล้วมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นแหละเขาจะประท้วงเรา ต้องดูกันไปก่อน และเราไม่จำเป็นต้องชี้แจงกับไซเตส เพราะเขาไม่ได้ขอให้เราชี้แจง เพียงแต่เราต้องดำเนินไปตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด อย่าให้มีอะไรมาวอกแวกจนกระทั่งเบี่ยงเบนออกไป ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าไม่กระทบอะไรกับรัฐบาล แต่ถ้าสื่อมวลชนกระหึ่มกันมาก ทั่วโลกเขาไม่เห็น เขาจะสงสัยว่าเราปากว่าตาขยิบหรือไม่ คงจะหลุดหมดแล้ว ทั้งที่ไม่มีอะไรเลย ถ้ามีเมื่อไรสื่อมวลชนช่วยกันโวย

 

ที่มา : มติชนออนไลน์