กกต.สั่งทุกจังหวัดเตรียมพร้อมแบ่งเขต ส.ส. เปิด 3 รูปแบบ รับฟังความเห็นผู้มีส่วนได้เสีย ยึดความเหมาะสม จำนวน ปชช.-สภาพแวดล้อม ก่อนชงเคาะ 400 เขต เดินหน้าเลือกตั้ง
วันที่ 31 มกราคม 2566 มติชนรายงานว่า แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยถึงเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งว่า จะต้องดำเนินการทุกครั้งเมื่อมีการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไป ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้เปลี่ยนจาก 350 เขต มาเป็น 400 เขต
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
ทันทีที่ร่างระเบียบ กกต.ว่าด้วยการแบ่งเขตเลือกตั้งมีผลใช้บังคับ กกต.จังหวัดทุกจังหวัดรวมถึง กกต.กทม.ต้องนำรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้งที่เตรียมไว้อย่างน้อย 3 รูปแบบ ปิดประกาศ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่มีส่วนได้เสีย คือ
พรรคการเมืองและประชาชนในจังหวัด เป็นเวลา 10 วัน นับแต่วันปิดประกาศ ซึ่งแต่ละรูปแบบจะต้องประกอบด้วยรายละเอียดเกี่ยวกับอำเภอ หรือตำบล หรือเขตพื้นที่อยู่ในเขตเลือกตั้งแต่ละเขต จำนวนราษฎรของแต่ละเขตเลือกตั้ง ผลต่างของจำนวนราษฎรในแต่ละเขตเลือกตั้ง จากจำนวนเฉลี่ยราษฎรต่อ ส.ส.หนึ่งคนในจังหวัดนั้น
เหตุผลประกอบการเสนอแนะการแบ่งเขตเลือกตั้ง และแผนที่แสดงรายละเอียดของพื้นที่ที่ประกอบเป็นเขตเลือกตั้งแต่ละเขตเลือกตั้ง
แหล่งข่าวระบุต่อว่า เมื่อครบกำหนดระยะเวลา ทาง กกต.แต่ละจังหวัดจะต้องนำความคิดเห็นของประชาชนทุกคนและทุกพรรคการเมืองที่เสนอ มาประมวลเพื่อวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสียให้เรียบร้อยภายใน 3 วัน จากนั้นจึงนำเสนอสรุปรายงานเสนอเข้าที่ประชุม กกต. ผ่านทางเลขาธิการ กกต. เพื่อพิจารณาตามขั้นตอน เบื้องต้นคาดว่ากระบวนการของจังหวัดจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 20 วัน
ขั้นตอนหลังจากนั้น ที่ประชุม กกต.ต้องพิจารณาเลือกรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งที่เหมาะสมและตรงตามหลักเกณฑ์มากที่สุด คำนึงถึงพื้นที่ที่ติดต่อใกล้ชิดกัน ความสะดวกการคมนาคมระหว่างกัน และการเคยอยู่ในเขตเลือกตั้งเดียวกัน และเมื่อคณะกรรมการดำเนินการแบ่งเขตเลือกตั้งได้ข้อสรุปครบถ้วนทุกจังหวัดทั้ง 400 เขตแล้ว ให้ประกาศการแบ่งเขตเลือกตั้งในราชกิจจานุเบกษาต่อไป