รัฐบาลฝ่าด่านอันตราย 7 คำร้องสกัดนโยบายแจกเงินหมื่น

นายก
คอลัมน์ : Politics policy people forum

รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน กำลังอยู่ในจังหวะเดิมพันครั้งสำคัญ ต้องเข็นนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ฝ่าดงไฟ

นโยบายแจกเงินต้องเลื่อนแจกออกไปจากไทม์ไลน์เดิมในเดือนพฤษภาคม

หลังบอร์ดเงินดิจิทัลชุดใหญ่ “คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท” ต้องเลื่อนออกไปกะทันหัน ภายหลังมีสัญญาณส่งมายังรัฐบาลว่า คณะกรรมการเพื่อศึกษาและดำเนินการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต ซึ่งเป็นคณะกรรมการชุดย่อยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่มี สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน ซึ่งกำลังพ้นตำแหน่ง เนื่องจากครบวาระ 9 ปี

ได้จัดทำ “ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000 บาท” ผ่าน Digital Wallet ความยาว 177 หน้า

ทักท้วง ทั้งประเด็นความเสี่ยงทุจริต ประเด็นความเสี่ยงด้านกฎหมาย และประเด็นอื่น ๆ ที่เสี่ยงขัดต่อกฎหมายโดยเฉพาะการ “สัญญาว่าจะให้”

ทันใดนั้น รัฐบาลก็เหยียบเบรกกะทันหัน และเลื่อนการประชุมบอร์ดดิจิทัลชุดใหญ่ออกไปโดยไม่มีกำหนด

แหล่งข่าววงในทำเนียบรัฐบาลกล่าวว่า เหตุที่ต้องชะลอการประชุมบอร์ดเงินดิจิทัลชุดใหญ่ออกไปไม่มีกำหนด เนื่องจากภายหลังที่คณะกรรมการศึกษามีร่างข้อเสนอออกมา รัฐบาลได้ศึกษารายละเอียดแล้ว เป็นข้อเสนอที่เป็นลักษณะห้ามรัฐบาลดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเลต ซึ่งการทักท้วงดังกล่าวถือว่าอาจขัด พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 มาตรา 32 และยังไม่ใช่ฉบับเป็นทางการ

เพราะคณะกรรมการศึกษาจะต้องส่งข้อเสนอไปยัง ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับแก้ภายใน 15 วัน บวก ลบ ก่อนส่งข้อเสนอมายังคณะรัฐมนตรี และบอร์ดดิจิทัลชุดใหญ่จึงนัดประชุมต่อไป

เป็นเพียงแค่ 1 ด่านที่รัฐบาลต้องลุยไฟ หากจะเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเลต

นอกจากกับดัก ป.ป.ช. ที่รัฐบาลไม่อาจเดินเกมพลาด ยังมีด่านในองค์กรอิสระ ที่รอการพิจารณาเรื่องดิจิทัลวอลเลต 1 หมื่น ก่อนส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ

1.คำร้องของ นายสนธิญา สวัสดี ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 258

2.คำร้อง นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนุญ เนื่องจากปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ 2560 หมวด 5 หน้าที่ของรัฐและพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561

3.คำร้องของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ร้องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากโครงการดังกล่าวสร้างความเสียหาย และสร้างภาระแก่งบประมาณประเทศ รวมทั้งส่งผลกระทบต่อระบบ การเงินการคลังของประเทศในระยะยาว

4.คำร้องของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ยื่นร้อง กกต. ว่าโครงการดังกล่าวเข้าข่ายสัญญาว่าจะให้หรือไม่

5.คำร้องของผู้ร้อง (ไม่ระบุชื่อ) ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน แสวงหาข้อเท็จจริง
โครงการดังกล่าวว่า มีลักษณะเป็นการสร้างความเสียหาย และสร้างภาระแก่งบประมาณประเทศ รวมทั้งส่งผลกระทบต่อระบบการเงินการคลังของประเทศในระยะยาว

6.คำร้องของ นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้เสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า โครงการดังกล่าวขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 140 ประกอบ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ. 2560 มาตรา 53 หรือไม่

7.คำร้องของ นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ยื่นต่อ กกต. ให้วินิจฉัยโครงการดังกล่าว อาจถือเป็นการหลอกลวง หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง ตาม ม.73 (5) หรือ (1) ประกอบ ม.159 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 หรือไม่

เมื่อแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 1 หมื่นบาท กลายเป็น “ของร้อน” กำลังอยู่ในกองไฟ หากรัฐบาลจัดการไม่ดีเสี่ยงพังพาบไม่เป็นท่า