“บิ๊กตู่” กระชับอำนาจข้าราชการ เร่งสปีดสัมปทาน นับถอยหลังเลือกตั้ง

รายงานพิเศษ

เข้าสู่โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เหยียบคันเร่งนโยบาย-ปั่นผลงานผัดหน้า-แต่งตัวรอกลับมาเป็นรัฐบาล คสช.ภาคต่ออีกครั้ง

8 เดือนระหว่างทาง-ก่อนถึงวันเลือกตั้ง “เร็วที่สุด” 24 กุมภาพันธ์ 2562 หรือ “ช้าที่สุด” 5 พฤษภาคมศกเดียวกัน ภายใต้ “เงื่อนไข” 5 ข้อ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ขันนอต-คาดโทษข้าราชการ “ใส่เกียร์ว่าง” ในช่วงแต่งตั้งโยกย้ายในอีก 3 เดือนเร็ว ๆ นี้

เร่งเครื่องนโยบาย คสช. 20 ข้อ

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2561 พล.อ.ประยุทธ์ได้มี “ข้อสั่งการ” ไปยังรองนายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรี-หัวหน้าส่วนราชการทุกกระทรวง กว่า 20 ข้อ อาทิ 1.เรื่องการปฏิรูปตำรวจ 2.ปฏิรูปการศึกษา 3.การจัดที่ดินทำกินให้ราษฎร 4.การบริหารจัดการขยะทั่วประเทศ 5.การบริหารระบบราชการ 6.การบริหารจัดการภัยพิบัติ

7.การจัดระเบียบเครื่องมือบรรเทาสาธารณภัยและอุทกภัย 8.การบริหารจัดการน้ำระยะยาว-ระยะสั้น 5 ปี 9.โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัด และ 10.เรื่องสังคมผู้สูงอายุ

ไม่มั่นใจได้เป็นนายกฯต่อ

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า การส่ง “สารสด” ในครั้งนี้เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ “ไม่รู้ว่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกหรือไม่” เพราะนับจากวันนี้จนถึงโรดแมปวันเลือกตั้งเหลือเวลาอีก 8 เดือน พล.อ.ประยุทธ์จึงอยากให้มีผลงานอย่างที่ประชาชนอยากเห็นและอยากให้ข้าราชการที่เกี่ยวข้องทำมันออกมาให้เป็นรูปเป็นร่างภายในระยะเวลาที่เหลืออยู่

“สิ่งที่ประชาชนคาดหวังกันมากคือการปฏิรูปตำรวจ ปฏิรูปการศึกษา ซึ่งยังไม่ตรงใจของนายกฯ และยังไม่ตอบโจทย์ของประชาชนและสังคม ประชาชนยังไม่รู้ว่าจะได้อะไรจากการปฏิรูปตำรวจ เพราะประชาชนรอฟังอยู่”

ฉะนั้นข้อสั่งการกว่า 20 ข้อ จึงเป็นการ “ขมวดปม” ให้ชัดเจนให้เห็นความคืบหน้า-ตอบโจทย์อะไรให้ประชาชนได้บ้างในสิ่งที่รัฐบาลได้ทำไปในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา

“นายกฯไม่อยากให้ใครเบาเครื่องลง เหมือนทีมฟุตบอลที่หัวหน้าทีมต้องคอยปลุก คอยบอกลูกทีมว่าต้องทำอะไร แต่ครั้งนี้นายกฯต้องการทำให้เกิดความชัดเจน”

ขันนอต ขรก.เกียร์ว่าง

ประกอบกับการขยับของ “แม่ทัพ-ขุนพล” ออกมา “ขันนอต” ข้าราชการกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ ให้เร่งปั่นผลงาน-โครงการให้เป็นไปตามแผนงาน-เข้าเป้าภายในสิ้นปีนี้ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง

โดยเฉพาะ “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี “แม่ทัพเศรษฐกิจ” ออกเดินสายขันนอตข้าราชการกระทรวงในกำกับ อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ก่อนออกเสียงเข้มว่า “อย่าให้โครงการต่าง ๆ ต้องดีเลย์”

“ในช่วงที่เหลือ 7-8 เดือนก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ไม่ต้องการให้ข้าราชการกระทรวงการคลังทำงานแบบเกียร์ว่าง แต่ต้องทำงานหนักเพิ่มเป็น 2 เท่า และจะต้องเป็นไปตามเป้าหมายทั้งในปีงบประมาณ 2561 และ 2562 ทั้งในเรื่องของการลดความเหลื่อมล้ำ และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยในเดือน ต.ค.นี้จะมีการโยกย้าย ก็จะนำผลงานของผู้บริหารกระทรวงการคลังมาพิจารณาด้วย”

หลังจากนี้ “ดร.สมคิด” จะเดินสายไล่ขันนอตหน่วยงานรัฐวิสาหกิจทั้งหมดเพื่อเร่งรัดการโครงการ-สัมปทานลงทุน ก่อนเริ่มปีงบประมาณใหม่

ขณะที่ “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ออกมากำชับผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดให้ขับเคลื่อนงานฟังก์ชั่น-งานอเจนดาผ่านกลไกนายอำเภอ-องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เช่น โครงการไทยนิยมยั่งยืน การแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU) ปัญหาการบินพลเรือน (ICAO) การจัดสรรที่ดินทำกินให้กับประชาชน

ก่อนประกาศผลสอบในช่วงฤดูการโยกย้ายเดือนตุลาคมนี้

จี้ 20 กระทรวงดัน กม.ปฏิรูป

นอกจากการขันนอตข้าราชการ-ปั่นผลงาน “โดนใจ” ประชาชนในช่วงใกล้เลือกตั้งแล้ว การประชุม ครม.เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ครม.ได้หารือ-มีข้อสั่งการถึงแนวทางการผลักดันกฎหมายที่สำคัญที่ยังค้างท่อ-ติดหล่มภายในกระทรวงต่าง ๆ

“ให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องออกกฎหมายสำคัญ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปประเทศทั้ง 11 ด้าน ตลอดจนการปฏิรูปที่จำเป็นต้องออกกฎหมาย โดยให้เร่งผ่านกระบวนการต่าง ๆ เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.ภายในเดือน พ.ย. 61 นี้” พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุ

กม.ร้อน 4 ฉบับ ค้างเติ่ง สนช.

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์-คสช.จะพยายามผลักดัน-ผลิตกฎหมายให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการปฏิรูปประเทศ โดยเฉพาะการออกกฎหมายที่ “รัฐบาลนักเลือกตั้ง” ไม่สามารถออกได้

ทว่ากฎหมายที่เป็นความหวัง 4 ฉบับ ได้แก่ 1.ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2.ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม 3.ร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ และ 4.ร่าง พ.ร.บ.พัฒนาและกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ หรือกฎหมายซูเปอร์โฮลดิ้ง ยังถูก “เตะถ่วง” อยู่ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)

กฎหมายที่ดินส่อแท้ง

“พรเพชร วิชิตชลชัย” ประธาน สนช. กล่าวถึงกฎหมายที่ดินว่า กำลังดูอยู่ว่าจะจัดให้เป็นธรรมอย่างยิ่ง ส่วนกฎหมายทรัพยากรน้ำยังไม่ได้ดูละเอียด 3-4 ฉบับมีข่าวว่าจะเลื่อนใช้ไปถึงปี”63 ก็เป็นเพียงข่าว แต่ภาษีที่ดินฟังดูแล้ว รัฐบาลอยากจะดูว่า ฟังเสียงประชาชนเพียงพอไหม อยากจะฟังเสียงขององค์ประกอบต่าง ๆ อาจจะเลื่อนก็ได้ แต่ สนช.เสนอกันว่า อยากให้กฎหมายออกภายในปีนี้

ส่วนจะออกได้หรือไม่นั้น “ผมไม่รู้ เพราะไม่รู้ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน”

“กฎหมายขัดกันแห่งผลประโยชน์น่าจะออก แต่ต้องดูให้เหมาะสม เพราะกฎหมายที่ร่างมา ถ้าออกมาปั๊บ ผิดปุ๊บเลย จึงอาจจะต้องมีข้อยกเว้นให้”

“ยกตัวอย่างภรรยาทำวันนี้อยู่ แต่พอกฎหมายมีผลบังคับใช้ผิดเลยนะ หรือบางคนยังไม่รู้แต่ใช้รถราชการอยู่ แวะไปนิดเดียว แวะข้างทางกินก๋วยเตี๋ยวนิดเดียว ผิดเลยนะ ไม่ได้ ต้องมีเวลาเตรียมตัว”

ทว่า “พรเพชร” ยืนยันว่า กฎหมายลดความเหลื่อมล้ำ เช่น กฎหมายภาษีที่ดินที่ถูกสังคมจับตามอง สุดท้ายจะ “ไม่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนแน่นอน”

“ถ้ากฎหมายใดมีปัญหา ต้องทิ้งไว้ อย่างเดียวคือรอประชาชนที่มาจากการเลือกตั้ง เราจะไม่ทิ้งกฎหมายไว้เพื่อไปช่วยใคร อย่างไรรัฐบาลใหม่ก็ต้องนำมาทบทวน ถ้าไม่เสร็จจริง ๆ แล้วจะเห็นปัญหา”

ไร้สัญญาณเลือกตั้ง

ถึงแม้ พล.อ.ประยุทธ์-องคาพยพจะเคลื่อนพลขับเคลื่อนนโยบาย-โครงการ-กฎหมายสำคัญเพื่อนับถอยหลังเลือกตั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศคำมั่นไว้เป็นโรดแมป ทว่า “คนในรัฐบาล” ก็ยังไม่มีใครมั่นใจว่า “สัญญาณสุดท้าย” ที่จะเป็นนิมิตหมายของการเลือกตั้ง วัน ว. เวลา น.ใด

เหมือนกับตัว “พล.อ.ประยุทธ์” เองที่ไม่รู้ว่าชะตากรรมทางการเมืองตัวเองจะได้ไปต่อหรือไม่…คนคำนวณ ไม่สู้ฟ้าลิขิต