“ศรีสุวรรณ” ร้องแหลก ค้าน 1.5 พันใบเป็นบัตรเสีย-ธนาธรขาดคุณสมบัติ-จ่อร้องลต.โมฆะ

“ศรีสุวรรณ” ร้อง กกต.ค้านวินิจฉัยบัตรนอกราชฯ 1,500 ใบเป็นบัตรเสีย ชี้เลือกตั้งครั้งนี้เสี่ยงสูง เผยเตรียมฟ้องศาลรธน.เป็นโมฆะ

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 มีนาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ กกต.เพื่อคัดค้านการที่ กกต.จะนัดประชุมเพื่อชี้ว่าบัตรเลือกตั้งจากนิวซีแลนด์ที่มาถึงล่าช้าเป็นบัตรเสีย เนื่องจากเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัย ล่าช้าเพราะปัญหาการขนส่ง ไม่ใช่เหตุที่เกี่ยวข้องกับการทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยไม่สุจริต ดังนั้น จึงไม่ควรทำให้บัตร 1,500 ใบ เป็นคะแนนที่สูญเปล่า เพราะแม้ว่าคนไทยเหล่านั้นจะอยู่ในต่างประเทศ แต่ก็ถือว่ามีสิทธิในการเลือกตั้ง เช่นเดียวกับคนไทยในประเทศ จึงเรียกร้องให้ กกต.ใช้อำนาจตามมาตรา 224 ของรัฐธรรมนูญ ประกอบมาตรา 22 (3) พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต.วินิจฉัยว่าบัตรเลือกตั้งจากนิวซีแลนด์เป็นบัตรดี เพื่อดำเนินการตรวจนับและประกาศรวมกับผลคะแนนเลือกตั้งทั่วไป ไม่เช่นนั้นประเด็นนี้อาจจะนำไปสู่การยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การเลือกตั้งทั้งประเทศเป็นโฆฆะ

นายศรีสุวรรณยังกล่าวถึงภาพรวมการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวานนี้ว่า ถือว่าเป็นการจัดการเลือกตั้งที่ผิดความคาดหวังของประชาชนในยุคปฎิรูปหลายเรื่องอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่คุณสมบัติของ กกต.วางไว้สูง น่าจะมีศักยภาพที่ดีกว่านี้ การจัดการเลือกตั้งต้องเป็นไปด้วยความละเอียด รอบคอบ แต่มีความสับสนเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะการรายงานผลผู้มาใช้สิทธิกับจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ไม่เท่ากัน ดังนั้นการเลือกตั้งในครั้งนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งที่ไม่สุจริต เที่ยงธรรม โดยจะรอดูการแถลงข่าวของ กกต.ในช่วงบ่ายวันนี้ และถ้าผลของคำแถลงออกมาไม่ถูกต้องเชื่อว่าจะมีหลายคน หลายพรรค รวมถึงตนจะฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ นายศรีสุวรรณยังขอให้วินิจฉัยคุณสมบัติของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่อาจเข้าข่ายมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98 (3) ประกอบมาตรา 42(3) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง 61 ซึ่งถือได้ว่าเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ทั้งนี้เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ นายธนาธรได้ยื่นหลักฐานต่อ กกต. ซึ่งปรากฏชื่อในตราสารการโอนหุ้นระหว่างนายธนาธร กับนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่โอนหุ้นไปตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม และรายงานการส่งสำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร ของบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด เมื่อวันที่ 21 มี.ค. แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าการโอนหุ้นเกิดขึ้นจริงเมื่อใด และบริษัทได้ทำการจดแจ้งลงไปในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นแล้วเมื่อใด

“การยื่นหลักฐานดังกล่าวต้องสอดคล้องกับหลักฐานแสดงการเสียภาษีเงินบุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปี นับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ว่าได้ดำเนินการเรียบร้อยก่อนวันที่ 6 ก.พ.แล้วหรือไม่ มีการจ่ายเงินค่าหุ้นจริงหรือไม่ และหากมีได้มีการชำระภาษีถูกต้องแล้วหรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นจะทำไม่ตรงตามหลักฐานที่นายธนาธรได้ยื่นไว้ต่อ กกต. เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ซึ่งเป็นวันที่นายธนาธรยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ” นายศรีสุวรรณกล่าว และว่าเรื่องการโอนหุ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและอาญามาตรา 128 วรรคสาม จะยืนยันกับคนภายนอกไม่ได้จนกว่าจะแจ้งโอนต่อนายทะเบียนหุ้น

 

ที่มา : มติชนออนไลน์