“สมคิด” เคลียร์กลางสภา ไม่ใช่แค่สามมิตร เป็นมวลมหามิตร ดึงเจ้าสัวช่วยคนจน

สิ้นสุดการอภิปรายซักฟอกนโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 2/1

ตลอด 2 วัน ที่ใช้เวลากว่า 34 ชั่วโมง 1 ในเป้าใหญ่ที่ฝ่ายค้าน 7 พรรครุมซักฟอกคือนโยบายเศรษฐกิจ

ข้อกล่าวหาที่ฝ่ายค้านหยิบมาท้าทายฝ่ายรัฐบาลความสามารถการบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลว บริหารเศรษฐกิจเอื้อประโยชน์นายทุน รวยกระจุก จนกระจาย

หลังจากทนฟังฝ่ายค้านรุมอัดมา 2 วัน “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” แม่ทัพเศรษฐกิจรัฐบาล ขอใช้สิทธิชี้แจงฝ่ายค้านแบบ non stop เกือบ 20 นาที ฉายภาพความฝันที่อยากเปลี่ยนแปลงประเทศตั้งแต่ร่วมชายคา “ไทยรักไทย” เหตุใดที่ความฝันยังไม่ลุล่วงเพราะการเมืองมีแต่คู่แค้น-ไม่มีคู่คิด เคยคิดอยากจะพักไม่อยากไปต่อในรัฐบาลประยุทธ์ 2/1 แต่ก็มีสิ่งที่ทำให้เขาไม่อาจทิ้งได้ และอยากขอความร่วมมือ “หมู่มวลมหามิตร” ช่วยกันพลิกประเทศ

การเมืองมีแต่คู่แค้น ไม่มีคู่คิด

“สมคิด” กล่าวว่า หลายสิ่งหลายอย่างที่กล่าวมาในฐานะที่รู้จักกับพวกท่าน (ฝ่ายค้าน) บางคนและเคยทำงานร่วมกัน ความคิดเห็นต่างเป็นไปได้ ไม่มีการโกรธเคืองกัน การเมืองเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าการเมืองดี ทุกอย่างดี ครั้งหนึ่งที่ตนเข้ามาในการเมือง คิดว่าทำการเมืองให้ดี ทำพรรคการเมืองให้ดี เมื่อมีอันเป็นไปบางอย่างในช่วงเวลานั้น และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การเมืองก็เปลี่ยนไป การเมืองไม่มีคู่คิดมีแต่คู่แค้น เป็นเหตุใช่ไหมที่ทำประเทศเป็นอย่างนี้มาตลอด

“แต่วันนี้มีกำลังใจคนรุ่นใหม่หลายคน จากทุกพรรค ทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน เด็กรุ่นใหม่รู้จักให้เสนอแนะให้แนวความคิดเป็นสิ่งที่ดี  บางท่านจำได้เป็นหลานของเพื่อนผมเอง พิธา (ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคอนาคตใหม่) หลานของผดุง (ลิ้มเจริญรัตน์) ใช่ไหม สนิทกันมาก ศิริกัญญา (ตันสกุล พรรคอนาคตใหม่) ใช่ชื่อไหมหรือเปล่า ตรงนี้ใช่ไหม เราไปแนะนำให้บีโอไอ (คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน) เปลี่ยนแปลงนโยบายให้บีโอไอ ผมเป็นคนแนะนำให้เลขาธิการอรรชกา (สีบุญเรือง) ว่าเราต้องเปลี่ยนบีโอไอแล้วเพราะที่ผ่านมามีจุดอ่อนอยู่มาก ดังนั้น ต้องเปลี่ยนไปสู่จุดที่สร้างมูลค่าให้ได้ ทำให้ข้างล่างมีเงินข้างบนก็มีเงิน”

“ภาพที่ฉายออกมาไม่ผิด จีดีพีโตในช่วง 4-5 ปี เป็นความจริง เมื่อมันดีก็บอกว่ามันดี หลอกฝรั่งไม่ได้หรอกเขาตรวจสอบเราหนักมาก ในส่วนที่ยังไม่ดี ผมก็รู้พี่สมพงษ์ (อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย) ก็รู้ จะให้ดีได้อย่างไร ลำพังว่าจำนำข้าวให้ราคาดีๆ ทีแรกให้ราคาหมื่นเศษๆ ต่อมาก็หมื่นห้า ผมมองว่าไม่เป็นอะไรช่วยประทังชีวิตให้ชาวนาให้มีรายได้ แต่ยิ่งทำอย่างนี้โดยไม่ได้มาเปลี่ยนโครงสร้างทั้งหมด ทำให้ขาดการพัฒนาภาคเกษตรอย่างรุนแรง ขณะนี้ใช่ไหมที่ทำให้ productivity ในการผลิตต่ำมากสู้เวียดนามไม่ได้

 ทุกพรรคต้องร่วมมือกัน

“เราฝันเห็นชมชนที่เข้มแข็ง มีการใช้เครื่องจักรในการผลิต ทำอีคอมเมิร์ซขายต่างประเทศ เมื่อเราทำให้จีดีพีขึ้นมาแล้ว เราพยายามทำสู่อนาคต เราไม่ลืมรากหญ้า จึงพยายามปูทางต่างๆ เริ่มแล้ว จึงอยากให้พวกท่านอยากให้สานต่อ แต่อย่าเข้าใจผิดการเปลี่ยนทั้งหมดคือ ครม.แค่ 30 กว่าคนทำได้ เพราะการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต้องเปลี่ยนคนที่ได้รับผลกระทบจริงๆ เขาต้องเปลี่ยนพฤติกรรม เราก็เปลี่ยนพฤติกรรม ทุกคนต้องช่วยกันโดยเฉพาะ ส.ส.จากทุกพรรค ถ้าหากมัวแต่หยิบ อันนี้เป็นความเหลื่อมล้ำ คนนี้จน คนนี้รวย คิดว่าสังคมดีขึ้นหรือเปล่า มันเป็นการเอาความเหลื่อมล้ำมาสร้างให้เกิดภัยการเมืองแห่งอนาคตข้างหน้า”

เคยคิดเลิก แต่เห็นใจบิ๊กตู่

“ผมไม่เคยบอกว่าปีนี้จะดีลองไปฟังที่ผมสัมภาษณ์ บอกว่าปีนี้จะมีปัญหา นี้ครึ่งปีไปแล้วงบประมาณยังไม่เข้าเลย เศรษฐกิจโลกก็ไม่ดี มีคนเตือนผมว่าอาจารย์สมคิดอย่ากลับมาเลยตรงนี้  เพราะสุขภาพไม่ดี การเมืองก็ไม่ดีรุนแรงมาก เศรษฐกิจโลกยิ่งย้ำแย่ใหญ่ ทีแรกผมคิดอย่างนั้นและเรียนท่านนายกฯ  แต่ผมก็คิดว่าเกิดมาถึงขนาดนี้ และสามารถสร้างคนใหม่ๆ ขึ้นมา เห็นแล้วภูมิใจว่าเราน่าจะทำให้การเปลี่ยนผ่านของประเทศไทยสัมฤทธิ์ผล ถ้าเราไม่อยู่ไม่อดทน ต่างประเทศถามผมคำเดียว นโยบายเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า มีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม เขากลัว ไม่มีอะไรง่ายเลย ผมตัดสินใจว่า เห็นใจนายกฯ ช่วงเวลาอย่างนี้อย่าให้เปลี่ยนแปลงมากเกินไป”

“ฝ่ายค้านบอกว่าการลงทุนคำขอไม่มีลงทุนจริง ก็ทราบดีอยู่แล้วว่าว่าต้องเริ่มจากคำขอใช่ไหม และค่อยๆ ทยอย ที่ทยอยเอาเงินจริงลงมาไม่ได้เกี่ยวรัฐบาลมากน้อยแค่ไหนไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาลเท่าไหร่ เขามองทีเดียวมองทั้งประเทศ มองเป็น political risk ความเสี่ยงทางการเมืองทั้งประเทศ แล้วความเสี่ยงทางการเมืองใครรับผิดชอบ ทั้งรัฐบาล สภา การเมืองนอกสภา เกี่ยวข้องทั้งนั้น เรียนท่านสมพงษ์ในฐานะที่เคารพรักกัน พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคใหญ่ สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขาวบ้านได้ เพราะใกล้ชิดชาวบ้านมาก ต้องช่วยกันเพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเขา พยายามให้เขาอดทน  สร้างความหลากหลายทางชีวภาพ ปลูกพืชหลายๆ อย่าง ทำโซนนิ่งเกษตร ร่วมกันทำเกษตรแปลงใหญ่ รัฐบาลพร้อมทำงานกับพรรคเพื่อไทยเพราะคุ้นเคยทั้งสิ้น”

คนไทยไม่ยอมลงทุน

“ถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงมัน แล้วบอกว่าทำไมลงทุนแบบนี้ ทำไมเขาไม่มา คนไทยเองไม่ลงทุน ผมใกล้ชิดสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้ามาก เขายังมีความไม่มั่นใจเรื่องความเสี่ยงทางการเมือง แต่เราพยายามบอกเขาว่าไม่มีอะไร นักการเมืองคุยกันได้ ถูกต้องที่เขาลงทุนนิดๆ หน่อยๆ การประเมินโดยต่างประเทศ ถึงบอกว่าธุรกิจของเขามีการเปลี่ยนแปลงน้อยมากในการเพิ่ม productivity การลงทุนสิ่งใหม่ๆ เครื่องจักรใหม่ๆ  เทคโนโลยีใหม่ๆ มีน้อยมาก”

“ในเมื่อไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี  productivity ไม่เพิ่มขึ้น แล้วจู่ๆ ขึ้นค่าแรง 300 บาท ทั้งที่ผลิตภาพการผลิตของไทยมันเรียบมานานแล้ว เพราะไม่มีการลงทุนสิ่งเหล่านี้ แล้วจะให้ขึ้นค่าแรงพรวดเดียวได้อย่างไร ตอนนั้นไม่เจ๊งหลากหลายเหรอ ตอนนั้นก็เจ๊ง แต่เราไม่ blame เพราะอย่างน้อยๆ แรงงานได้เงินเดือนเพิ่มและเราก็แก้กันมาพอสมควร”

ขึ้นค่าแรงควบพัฒนา skill

“อนาคตข้างหน้าถ้าจะมีการเพิ่มค่าแรง มันจำเป็น แต่ก็ต้องมีการพัฒนา skill แรงงาน เพราะทักษะของเขาในอดีตกับในอนาคตคนละเรื่อง คนที่พัฒนาทักษะใหม่ไม่ได้ต้องหาอาชีพให้เขาในด้านบริการและการท่องเที่ยว  เราถึงพยายามพัฒนาปฏิรูปการท่องเที่ยว แล้วถ้าเทคโนโลยีใหม่ๆ แต่ไม่มีการสร้าง start up ต่างประเทศไม่ได้ขึ้นกับตระกูลไม่กี่ตระกูลเหมือนเมืองไทย ต่างประเทศไม่ได้ขึ้นอยู่กับไม่กี่ตระกูล ไม่ได้ข้นอยู่กับ 50 บริษัทยักษ์ใหญ่ แต่บริษัทที่มีอิทธิพลมากจริงๆ ต่อเศรษฐกิจไทย มีไม่ถึง 10 บริษัท แต่ประเทศอื่นสามารถให้ปัจเจกบุคคล ทีละคนสามารถสร้างธุรกิจของเขาได้เอง ผ่านแพลตฟอร์ม ผ่านอินเตอร์เน็ต คิดว่าใน ครม.ไม่มีใครรู้เหรอ ทุกคนรู้ แต่การทำให้เกิดเป็นความจริงได้ ไม่ใช่เกิดได้ง่ายๆ ต้องช่วยกันผลักดัน”

หลายอย่างอยู่เหนือการควบคุม

“ผมเห็นใจน้องๆ อายุไม่มากฝันเห็นประเทศไทยเป็นอย่างนี้ ครั้งหนึ่งก็เคยเป็นแบบหนี้ แต่ทำให้การเป็นความจริงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ฝันมาทั้งนั้น เคยร่วมกับหัวหน้าพรรคแต่เดิมด้วยซ้ำ แต่เมื่อเข้ามาแล้วหลายสิ่งหลายอย่างอยู่เหนือการควบคุม ต้องพยายามทำให้ดี ดังนั้น เราเปลี่ยนแปลงทุกอย่างขณะนี้ ขอเถอะเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม อย่าพยายามบอกว่า อันนี้ก็ไม่ดี อันนี้ก็ไม่ดี เราอยากฟังอันนี้มีจุดบกพร่อง ทำแบบนี้ได้ไหม ยางพาราแบบนี้ได้ไหม”

บ่น ลูกน้องอยากจะเลิก

“สมคิด” วกกลับมาถึงลูกน้องทีมเศรษฐกิจในสังกัด ว่า รัฐบาลทำงานเยอะมาก คนร่วมทีมที่เป็นรัฐมนตรีโดนด่าทุกวัน เขาอดทน ความอดทนสำคัญมาก ฝากน้องๆ ว่า อุตตม (สาวนายน รมว.คลัง) สุวิทย์ (เมษิณทรีย์ รมว. การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ) ผมรู้จักมา 30 ปี เป็นลูกศิษย์ผม การดึงคนมาทำงานการเมืองไม่ใช่ง่าย กอบศักดิ์ (ภูตระกุล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ) บอกผมเขาอยากจะเลิก เพราะเขาเห็นการเมืองไทยเป็นแบบนี้ ผมไม่อยากให้เขาเลิก ผมขอความกรุณา ผมเป็นคนไม่มีพรรค มีแต่พวก

ไม่อยู่สามมิตร แต่เป็นมวลหมู่มหามิตร

“ทีแรกบอกผมสามมิตร ผมไม่ใช่สามมิตร ผมมวลหมู่มหามิตรกับคนที่ต้องการทำงานเพื่อประเทศ ผมไม่ชี้แจง เราเลิกพูดเรื่องตัวเลข เราไปคุยกัน มีอะไรไปนั่งคุยกัน มีอะไรให้ปรองดองกันร่วมมือกัน แม้ไม่ได้คุมกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมด เรารับรู้ความเป็นจริงว่านี่คือพรรคร่วมรัฐบาล เราต้องให้เกียรติกัน แต่เราต้องหากลไกร่วมมือกัน เชื่อว่านักการเมืองทุกคนต้องการให้ประเทศดีทั้งนั้น เพียงแต่ที่ผ่านมาเราเอาชนะกันมากเกินไป คนอื่นเขายิ้ม แล้วไปด่าเจ้าสัวเขา”

ดึงเจ้าสัวช่วยคนจน

ส่วนข้อกล่าวหา “นโยบายเศรษฐกิจรัฐบาลอุ้มคนรวย” สมคิด แย้งว่า “คนรวย เขารวยอยู่แล้วที่มีชื่อเหล่านี้ ธุรกิจเขาเกินกว่าเมืองไทยไปแล้ว  เซนทรัล รวยขนาดนี้เพราะอะไร เพราะเข้าไปซื้อกิจการที่อิตาลี ซีพีไปถึงไหนแล้ว กลุ่มไทยเบฟไปถึงไหนแล้ว ไปไกลกว่าประเทศไทยมากแล้ว แต่มีหน้าที่จะเอาเขามาทำงานให้คนจนได้อย่างไร นโยบายประชารัฐ ที่ใช้ประชารัฐเพราะ ประเทศไทยต้อง 3 กลุ่ม ประชาชน เอกชน ภาครัฐ ต้องเอาเขาเข้ามาช่วย  พ่อไม่มาช่วย ลูกก็มาช่วย ท่านก็ว่าเขา ดัชนีหุ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว 1,200 – 1,300 จุดอย่างเก่ง ปัจจุบันนี้ 1,700 กว่าจุด เอาแค่ตัวเลขตัวนี้คูนกับหุ้นที่เขามีในธุรกิจ แค่นี้เขาก็รวยแล้ว  เขาต้องการอย่างเดียวคือการเมืองขอให้นิ่ง เราต้องจับเขามาช่วยคนจน เรื่องอะไรปล่อยให้อยู่บนสวรรค์อย่างเดียว เอื้อคนรวย ผมขอปฏิเสธ ไม่มี  และทุกโครงการที่เขามาต้องประมูลทั้งนั้น ถ้ามีตรงไหนไม่โปร่งใส แย้งเลย ตรวจสอบเลย ยินดีให้ความร่วมมือ

เป็นคำพูดสุดท้ายของ “สมคิด” หลังจากนั่งฟังการซักฟอกเศรษฐกิจของรัฐบาล 2 วันเต็ม