ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.ฎ. ทบทวนเกณฑ์ความรับผิดตาม ICAO

นางนฤมล ภิญโญสินวัตร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เปลี่ยนแปลงเกณฑ์จำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งตามพระราชบัญญัติการรับขนทางอากาศระหว่างประเทศ พ.ศ. 2558 พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไป โดยเปลี่ยนแปลงเกณฑ์จำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งตามพระราชบัญญัติการรับขนทางอากาศระหว่างประเทศ พ.ศ. 2558 โดยให้ใช้เกณฑ์จำกัดความรับผิด ดังต่อไปนี้แทน

1.คนโดยสารถึงแก่ความตายหรือได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย มูลค่าความเสียหายที่ผู้ขนส่งไม่อาจบอกปัดหรือจำกัดได้ (มาตรา 14 ของพระราชบัญญัติการรับขนทางอากาศฯ) เดิม 113,100 USD
(ประมาณ 4,784,763 บาท) แก้ไขเป็น 128,821 USD (ประมาณ 5,462,491 บาท)

2.ความล่าช้าในการรับขนคนโดยสาร (มาตรา 15 ของพระราชบัญญัติการรับขนทางอากาศฯ) เดิม 4,694 USD (ประมาณ 198,582 บาท) แก้ไขเป็น 5,346 USD (ประมาณ 226,690 บาท)

3.สัมภาระลงทะเบียนถูกทำลาย สูญหาย หรือเสียหาย หรือสัมภาระล่าช้า (มาตรา 16 ของพระราชบัญญัติการรับขนทางอากาศฯ) เดิม 1,131 USD (ประมาณ 47,848 บาท) แก้ไขเป็น 1,288 USD (ประมาณ 54,616 บาท)

4.ของถูกทำลาย สูญหาย หรือเสียหาย หรือสัมภาระล่าช้า (มาตรา 39 ของพระราชบัญญัติการรับขนทางอากาศฯ) เดิม 19/กิโลกรัม (ประมาณ 804 บาท) แก้ไขเป็น 22/กิโลกรัม (ประมาณ 933 บาท)

สำนักงานสาขาองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกได้มีหนังสือถึงสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) แจ้งเรื่องการทบทวนเกณฑ์จำกัดความรับผิดตามข้อ 24 ของอนุสัญญาฯ ว่า องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization: ICAO) ในฐานะผู้เก็บรักษาอนุสัญญา (Depository) ได้พิจารณาทบทวนเกณฑ์จำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งตามอนุสัญญาฯ ตามรอบระยะเวลา 5 ปี โดยอ้างอิงตามอัตราเงินเฟ้อสะสมซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.9 โดยการทบทวนดังกล่าวนี้ จะมีผลใช้บังคับภายในหกเดือนนับจากหนังสือแจ้งดังกล่าวนี้ คือ ภายในวันที่ 28 ธันวาคม 2562 รวมทั้งแจ้งว่าไม่มีกรณีรัฐภาคีส่วนใหญ่แจ้งไม่เห็นด้วยกับการทบทวนปรับแก้เกณฑ์ดังกล่าวภายใน 3 เดือน นับจากหนังสือฉบับแรกของ ICAO และ ICAO ขอให้รัฐภาคีของอนุสัญญาฯ จัดทำกฎหมายภายในเพื่ออนุวัติการให้เป็นไปตามอนุสัญญาฯ

ทั้งนี้ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป