“ก้าวไกล” แถลงค้านอุ้มการบินไทย สายการบินแห่งชาติ จำเป็นต้องมีหรือไม่?

พรรคก้าวไกล แถลงคัดค้าน การอุ้ม การบินไทย

“ก้าวไกล” ออกแถลงการณ์ค้านอุ้มการบินไทย ชี้ประเทศกำลังเจอวิกฤต การใช้เงินภาษีปชช.โดยไม่รับผิดชอบเป็นเรื่องไม่เหมาะสม เผยวงเงินจริงอาจสูงกว่า 1.34 แสนล้าน – ชวนคนไทยร่วมทบทวน “สายการบินแห่งชาติ” ยังจำเป็นต้องมีหรือไม่

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พรรคก้าวไกล ออกแถลงการณ์คัดค้านกรณีที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้เห็นชอบให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องในระยะสั้นจำนวน 54,000 ล้านบาทให้แก่ บมจ.การบินไทย และมีรายงานข่าวว่าจะมีการเสนอแผนการฟื้นฟูการบินไทยให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในวันที่ 12 พฤษภาคม

โดยแถลงการณ์ระบุว่า พรรคก้าวไกลเห็นว่าในสถานการณ์ที่ประเทศกำลังประสบปัญหาวิกฤต การใช้เงินภาษีของประชาชนจำนวนมหาศาลโดยไม่รับผิดชอบและไม่รอบคอบเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม โดยเม็ดเงินจริงๆ ที่จะใช้ในแผนฟื้นฟูการบินไทยสูงถึง 134,000 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย ไม่ใช่แค่การค้ำประกันเงินกู้ 54,000 ล้านบาทเท่านั้น เพราะตามที่ปรากฎในรายงานของสื่อมวลชนยังมีแผนที่จะเพิ่มทุนอีก 80,000 ล้านบาทด้วย

“แม้สายการบินทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 แต่ไม่มีผู้นำประเทศและรัฐบาลไหนในโลกที่ตัดสินใจใช้เงินภาษีของประชาชนให้ความช่วยเหลือสายการบินก่อนที่จะตกลงเงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือได้ชัดเจน การบินไทยนั้นล้มเหลวในการบริหารมาโดยตลอด ขาดทุนต่อเนื่องมา 3 ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้สังคมตั้งคำถามว่าการอุ้มการบินไทยรอบนี้ จะเป็นการนำเงินภาษีของประชาชนจำนวนมหาศาลไปใช้อย่างสูญเปล่าหรือไม่”

แถลงการณ์ ระบุอีกว่า ถ้าการช่วยเหลือการบินไทยต้องใช้เงินสูงถึง 134,000 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย พรรคก้าวไกลขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยแผนฟื้นฟูการบินไทยโดยละเอียดก่อนที่จะมีการอนุมัติ เพื่อให้ประชาชนเจ้าของเงินภาษีได้พิจารณาก่อน ทั้งนี้ เราพบว่าแผนฟื้นฟูดังกล่าวไม่ได้มีลักษณะแตกต่างไปจากแผนปฏิรูปการบินไทยเมื่อปี 2558 ซึ่งล้มเหลวมาแล้ว ทำให้ไม่สามารถเชื่อได้ว่าการบินไทยจะสามารถปรับโครงสร้างได้สำเร็จ

“ซึ่งถ้ารายงานข่าวข้างต้นมาจากแผนฟื้นฟูการบินไทยจริง เราไม่อาจเชื่อได้ว่า “นี่คือการช่วยครั้งสุดท้าย” ตามคำพูดของนายกรัฐมนตรี และเงินในการอุ้มการบินไทยจะมากกว่า 134,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน”

แถลงการณ์ยังระบุว่า ปัจจุบันมูลค่าตลาดของการบินไทยเหลืออยู่เพียง 15,000 ล้านบาท หากจะมีการใช้เงินกู้ฉุกเฉิน 54,000 ล้านบาทต้องทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด และต้องยืนยันสิทธิ์ที่จะได้รับเงินคืนเต็มจำนวน ในระหว่างนี้ต้องมีการเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อแปลงหนี้ให้เป็นทุนบางส่วน พร้อมกันนั้น ผู้บริหารการบินไทยชุดเดิมต้องลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบและเปิดให้ผู้บริหารมืออาชีพเข้าทำงานแทนที่เครือข่ายของผู้มีอำนาจ กองทัพ และข้าราชการ

จากนั้นก็คงถึงเวลาที่จะต้องทบทวนว่า เรายังจำเป็นต้องมีสายการบินแห่งชาติอยู่อีกหรือไม่ และการบินไทยนั้นได้ทำหน้าที่ของสายการบินแห่งชาติได้ดีแค่ไหน ประชาชนและประเทศได้ประโยชน์อะไรจากการบินไทย หรือที่ผ่านมาการบินไทยเป็นเพียงแหล่งหาผลประโยชน์ให้แก่เครือข่ายของผู้มีอำนาจ กองทัพ และข้าราชการบนฐานภาษีของประชาชนเท่านั้น

“ทางเลือกแรก หากเราจะไม่มีสายการบินแห่งชาติอีกต่อไป จำเป็นต้องมีเงื่อนไขการเปิดเสรีน่านฟ้าเพื่อให้เกิดการแข่งขันที่จะนำไปสู่ผลประโยชน์ของผู้บริโภค ส่วนทางเลือกที่เหลือ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีมืออาชีพด้านการกู้ธุรกิจล้มละลายเข้ามาบริหารในช่วงฟื้นฟู ก่อนที่จะกลับมาขายหุ้นบางส่วนให้เอกชนเมื่อฟื้นฟูเสร็จ ซึ่งสัดส่วนหุ้นที่จะขายให้เอกชนจะต้องตัดสินใจว่า หลังจากวิกฤตครั้งนี้รัฐจะยังคงถือหุ้นส่วนใหญ่ในการบินไทยหรือไม่ ถ้าถือหุ้นส่วนใหญ่ยังจะคงสัดส่วนมากกว่าหรือน้อยกว่า 50%”