รมช.สาธารณสุข แจงไทม์ไลน์ ไม่มีคนไทยติดโควิดจากทหารอียิปต์

วันที่ 15 กรกฎาคม 2563 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย เป็นประธานในการประชุม ทั้งนี้ที่ประชุมได้พิจารณากระทู้สดเรื่อง “กรณีทหารอียิปต์ที่ติดเชื้อโควิด-19 เข้าประเทศไทยไม่ได้กักตัว” ของ นพ.เรวัติ วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ถามนายกรัฐมนตรี

โดย นพ.เรวัติ กล่าวว่า กรณีทหารอียิปต์ที่ติดเชื้อโควิด-19 เข้าประเทศไทยไม่มีภารกิจใด ๆ หรือได้รับเชิญจากรัฐบาล เพียงแต่แวะระหว่างไทย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปากีสถาน และจีน โดยเข้าโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง ซึ่งไม่ใช่โรงแรมที่เป็นสถานกักตัวของรัฐหรือ State Quarantine และยังไปห้างสรรพสินค้า ซึ่งมีโอกาสแพร่ระบาดโรคระลอกใหม่ได้ จนประชาชนเกิดนายความโกรธว่าทำไม ศบค. ประกาศว่าการ์ดต้องไม่ตก แต่ทหารอียิปต์กลับหลุดเข้าประเทศ ทั้งที่ประชาชนยอมปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ จนเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ จีดีพีลดลงกว่าร้อยละ 7 หนี้สาธารณะมีโอกาสสูงถึง 7 ล้านล้านบาท หากเกิดการระบาดอีก ทุกอย่างล้มละลายแน่นอน

นพ.เรวัติ กล่าวว่า ส่วนกรณีเด็กหญิงคณะทูตประเทศซูดาน ก็ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเข้าสถานกักตัวของรัฐ แต่ให้กักตัวเองในคอนโด ทั้งที่คนไทยต้องกักตัวก่อนเข้าประเทศ 14 วัน ซึ่งเกิดคำถามว่ารัฐได้ส่งเจ้าหน้าที่เพื่อควบคุมการกักตัวได้หรือไม่ ซึ่งทั้ง 2 กรณี ชี้ว่ารัฐ และ ศบค.มีความสะเพร่าประมาท เลินเล่อ ปฏิบัติต่อ VIP ต่างชาติกับคนไทยเหมือนเป็นพลเมืองชั้น 2 โดยยกตัวอย่างลูกสาวนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา ต้องเข้าสถานกักตัวของรัฐ ซึ่งเป็นมาตรการที่ต้องปฏิบัติ แต่ทหารอียิปต์กับลูกทูตซูดานกลับต่างกัน

นพ.เรวัติ กล่าวว่า ความผิดพลาดและไม่จริงใจของรัฐ และ ศบค.ทำให้ประชาชนโกรธแค้น ยากที่จะทำใจ จึงมีคำถามว่าทำไม ศบค. ถึงการ์ดตกเสียเอง ปล่อยให้ผู้ติดเชื้อที่มีอภิสิทธิ์เข้ามา อาจทำให้เกิดการติดเชื้ออีกครั้ง และในที่สุดแล้ว พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ไม่ได้สกัดการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 เพราะ VIP ต่างชาติหลุดรอดเข้ามา ดังนั้นรัฐบาล และ ศบค.จะมีการทบทวนข้อกำหนดต่างๆ ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยทันทีหรือไม่ และคนไทยรู้สึกว่าเป็นพลเมืองชั้น 2 ปฏิบัติไม่เท่าเทียมกันตามข้อกำหนดมาตรา 9 ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยนายกรัฐมนตรีจะรับผิดชอบอย่างไร ไม่ใช่แค่การกล่าวขอโทษ แต่จะลาออกหรือไม่ พร้อมระบุว่ามีคนไทยติดเชื้อโควิด-19 หนึ่งคนแล้วที่จังหวัดระยอง

นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้ตอบกระทู้แทน ชี้แจงว่า ความคืบหน้าหลังจากลงพื้นที่จังหวัดระยองเมื่อวานนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดมีช่วงเวลาสำคัญโดยกลุ่มทหารอียิปต์เข้าพักโรงแรมดีวารีจังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 8 ก.ค. และเช้าวันที่ 9 ก.ค. เดินทางไปประเทศจีนและกลับมากลางดึกตอนตี 2 ก่อน และวันที่ 10 ก.ค. เวลา 11 โมงครึ่ง ออกจากโรงแรมไป 2 กลุ่ม กลุ่ม 4 คน ไปห้างเซ็นทรัล ส่วนอีกกลุ่ม 27 คนไปห้างแหลมทอง โดยมีผู้ติดเชื้อ 1 คน แต่พบว่าใส่หน้ากากตลอดเวลา ไม่มีการรับประทานอาหารหรือซื้อของ และกลับโรงแรมเวลาประมาณ 14-15 น. ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงน้อย

โดยกรมควบคุมโรคนำรถพระราชทานตรวจเชิงรุก มี 9 รายที่มีความเสี่ยงสูง โดยคนขับรถส่งทหารอียิปต์ผลออกแล้วว่าไม่ติดเชื้อ และกลุ่มอื่นๆ มีการตรวจแล้วพันกว่าคน โดยจะแจ้งผลต่อไป ยืนยันว่าการสอบสวนโรคโปร่งใส ไม่มีการปกปิด ไม่มีการบิดเบือนข้อมูล ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงและกล่าวคำขอโทษเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว

นายสาธิตกล่าวว่า กลุ่มทหารอียิปต์เป็นกลุ่มที่เรียกว่าผู้ควบคุมอากาศยานและเจ้าหน้าที่อากาศยาน หรือนักบินกับลูกเรือ ได้รับการยกเว้นไม่ต้องตรวจ และสามารถเข้าพักในพื้นที่ที่จัดให้ เช่นสุวรรณภูมิจัดโรงแรมโนโวเทลให้พัก แต่กรณีลงสนามบินอู่ตะเภามีการจ้างเอเจนซี่จากสถานทูตพาไปโรงแรมที่เข้าพัก จึงเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้คือข้อเท็จจริงที่ปรากฎ แต่จะต้องมีการถอดบทเรียนเกี่ยวกับการประสานงานหน้างานว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น

และไม่มีรัฐบาลไหนไปจัดคนไทยเป็นพลเมืองชั้น 2 แต่ก็เข้าใจสถานการณ์และความรู้สึกประชาชน ซึ่งนายกรัฐมนตรีออกมาขอโทษแล้วและจะดำเนินแก้ไข และประกาศที่จะยกเลิกบางกลุ่มอภิสิทธิ์ ยกเลิกเที่ยวบินจากประเทศดังกล่าว อยากให้มองวิกฤตเป็นโอกาสว่าจะต้องบริหารสถานการณ์โควิด-19 และฟื้นเศรษฐกิจให้ได้ แต่ย้ำว่าต้องมีระบบที่ควบคุมโควิด-19 ให้ได้ เพราะไม่มีทางที่ตัวเลขจะเป็นศูนย์ตลอดหากยังไม่มีวัคซีน

“ต้องยอมรับว่าทำงานมา 4 เดือนหน้างานอาจมีล้ามีเฉื่อยไปบ้าง ต้องยอมรับตามตรง รัฐบาลภายใต้การประสานงานกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข จะแก้ไขบกพร่อง เดินหน้าทำงานสร้างความเชื่อมั่น จะอยู่กับการบริหารสถานการณ์โควิด -19 และการฟื้นเศรษฐกิจต่อไปในอนาคตให้ได้” นายสาธิตกล่าว

นายสาธิตกล่าวต่อวา เรื่องการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่สามารถตอบแทนนายกรัฐมนตรีได้ รวมถึงการแสดงความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี เป็นปัญหาเฉพาะตัว แต่กรณีทหารอียิปต์ถือเป็นข้อยกเว้นตามประกาศกำหนดข้อ 5 กลุ่มผู้ควบคุมและเจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะ ไม่ต้องเข้าสถานกักตัวของรัฐ แต่ให้อยู่ในพื้นที่ตามข้อกำหนด แต่ปัญหาคือทหารกลุ่มนี้ละเมิดข้อกำหนด ซึ่งถ้าติดตามคลิปที่เจ้าหน้าที่จะไปตรวจ ทหารอียิปต์ก็ไม่ยอม แต่สุดท้ายประสานไปสถานทูตอียิปต์จึงยอมตรวจและจึงทราบวันที่ 10 กรกฎาคม ว่ามีทหารอียิปต์มี 1 คน ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งสถานทูตอียิปต์ก็แสดงความเสียใจ ทั้งนี้ ยอมรับว่า ที่ รพ.ระยองตอนแรกตรวจพบโควิด -19 มีทหารติดเชื้อ 2 ราย แต่เมื่อมีการตรวจซ้ำมีการพบว่าคลาดเคลื่อน จึงเหลือ 1 คน

นพ.เรวัต ลุกขึ้นกล่าวว่า ขอประกาศอย่างเป็นทางการว่า ตนวิตกกังวลอย่างมาก ในขณะที่ตัวเลขการติดเชื้อในเมืองไทยเป็นศูนย์มากกว่า 50 วันแล้ว แต่วันนี้ (15 ก.ค.) ต้องขอประกาศว่า มีการติดเชื้อในคนไทยรอบใหม่เป็นครั้งแรกและเป็นเคสแรกแล้วที่ จ.ระยอง นั่นแปลว่าหลังจากที่เราเป็นศูนย์มายาวนานมาก แต่วันนี้มีการติดเชื้อของคนไทยจากเชื้อนำเข้าจริงๆ คือสิ่งตั้งข้อสังเกตมา 3 เดือนแล้วให้ระวัง และก็เกิดขึ้นจริงๆ

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาเวลา นพ.เรวัต ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ว่า ภายหลังจากที่ตนพูดในที่ประชุมว่ามีชาวระยองติดเชื้อแล้ว ก็ได้พบกับนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่ห้องรับประทานอาหาร ซึ่งได้รับคำชี้แจงว่าไม่มีผู้ติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม ช่วงที่รัฐมนตรีชี้แจง ตนฟังว่ามี 2 รายที่เสี่ยงติดเชื้อ ฉะนั้น จึงคาดการณ์เองว่ามีผู้ติดเชื้อแล้ว 1 ราย ซึ่งถ้าไม่เป็นความจริงรัฐมมนตรีก็สามารถชี้แจงต่อที่ประชุมได้เลยว่าเข้าใจผิด แต่รัฐมนตรีกลับไม่ชี้แจง เมื่อไม่ได้พูดก็เหมือนกับว่าไม่ได้ปฏิเสธ หรือเท่ากับว่าเป็นการคอนเฟิร์ม แต่ความจริงยังไม่มีใครติดเชื้อ

จากนั้น นายสาธิตได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “หมอตี๋ สาธิต ปิตุเตชะ” ว่า “ย้ำนะครับ ขณะนี้ระยองไม่มีคนไทยติดโควิดนะครับ ข่าวลือครับ”