“ประชาชนปลดแอก” เตรียมชุมนุมหน้ารัฐสภา จี้ ส.ว. ปิดสวิตช์ตัวเอง

ประชาชนปลดแอก นัดชุมนุมหน้ารัฐสภา
การชุมนุมใหญ่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ซึ่งจัดโดยเครือข่าย ประชาชนปลดแอก (แฟ้มภาพ)

กลุ่ม “ประชาชนปลดแอก” เตรียมจัดกิจกรรมชุมนุมหน้ารัฐสภา “ให้กำลังใจ” ส.ว. ปิดสวิตช์ตัวเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นวันนี้ (24 ก.ย.) ที่บริเวณหน้ารัฐสภา กลุ่ม “ประชาชนปลดแอก” และเครือข่าย ได้ประกาศจัดกิจกรรมชุมนุมบริเวณหน้ารัฐสภา เพื่อเรียกร้องให้ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ลงมติเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เพื่อยกเลิกอำนาจของ ส.ว. ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็น 1 ใน 6 ญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่อยู่ระหว่างพิจารณาในวันนี้

“นานแค่ไหนแล้วที่รัฐสภาแห่งนี้ไม่ได้รับใช้ประชาชน เต็มไปด้วยสว.ที่มาจากการแต่งตั้งของเผด็จการ คับคั่งไปด้วยตัวแทนของประชาชนที่อ้างไม่ได้เต็มปากว่าเป็นตัวแทนของประชาชน” กลุ่มเยาวชนปลดแอก หนึ่งในกลุ่มเครือข่าย ประกาศผ่านทางเฟซบุ๊ก

“ไปให้กำลังใจ ส.ว. และ ส.ส. เพื่อจะให้มีกำลังใจและมีแรงในการยกมือในการไล่ตนเองซึ่งเป็น ส.ว. ที่มีที่มาอย่างอัปยศ มีแรงในการฟังเสียงประชาชนให้มากขึ้น ทำเพื่อประชาชนไม่ใช่เพื่อชนชั้นศักดินา”

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมกำลังประมาณ 3 กองร้อย ซึ่งรวมถึงตำรวจควบคุมฝูงชน เพื่อดูแลความปลอดภัยและเตรียมรับสถานการณ์บริเวณด้านหน้าและโดยรอบอาคารรัฐสภา  รวมถึงเตรียมความพร้อมเฮลิคอปเตอร์ไว้รองรับหากเกิดเหตุฉุกเฉินด้วย

ขณะที่ มติชน รายงานว่า นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีท่าทีของ ส.ว ที่ดูเหมือนจะไม่เห็นด้วยกับ 6 ญัตติ​แก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ​ว่า ทั้งฝ่ายรัฐบาล​และฝ่ายค้าน​เห็นสอดคล้องเป็นส่วนใหญ่ มีเพียงซีก ส.ว.ที่มีความเห็นต่าง และมองว่ามีความน่าวิตกว่า 6 ญัตติ​อาจเสี่ยงที่จะไม่ผ่าน เว้นแต่ว่าวันนี้ ส.ว. จะเปลี่ยนท่าทีและวิธีคิด ซึ่งอาจจะทำให้พอมีหวังขึ้นมาบ้าง

ทั้งนี้ หาก 6 ญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการพิจารณาครั้งนี้ น​ายสุทินกล่าวว่า “หากไม่ผ่านเราก็จะถามประชาชน ฟังประชาชน ภาคส่วนต่างๆ และเครือข่าย ถ้ายังอยากให้แก้และยังสู้เราก็ต้องยื่นใหม่ในสมัยประชุมหน้า อาจจะมองในแง่ดีว่า เวลาการศึกษาเรียนรู้จะน้อยไปหรือไม่ ถ้าน้อยไปก็มาเรียนรู้กันอีกสัก 2-3 เดือน แล้วมายื่นใหม่ ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับประชาชน ถ้าประชาชนบอกว่าพอแล้ว ยอมแพ้แล้วเราเป็นฝ่ายการเมืองก็ต้องยอมไปกับประชาชน”