ฝ่ายค้าน เตรียมประกันตัวนักศึกษา ชวน ส.ส.-ส.ว. ลงชื่อเปิดสภาแก้วิกฤต

วันที่ 15 ตุลาคม 2563 เวลา 16.00 น. หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน 6 พรรค อาทิ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ร่วมกันแถลงข่าวเรียกร้องให้รัฐสภาเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อหาทางออกกรณีชุมนุมทางการเมือง

ทั้งนี้ นายสมพงษ์ กล่าวว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง พรรคฝ่ายค้านเห็นว่าการประกาศไม่ชอบธรรม และไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง กลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการตัดสินใจที่จะยกเลิกการชุมนุมประมาณเที่ยงคืน แต่ด้วยเป็นยามวิกาล จึงรอถึง 06.00 น. ฝ่ายค้านเห็นว่า ทางรัฐบาลควรปล่อยผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมทันที เพราะบุคคลเหล่านี้ไม่ได้มีความผิดจากการชุมนุม เพราะชุมนุมตามหลักประชาธิปไตยโดยตรง จึงต้องพิจารณาอย่างถ่องแท้

ดังนั้น จะใช้รัฐสภาถกเถียงและหาทางออก ขอเสนอให้เปิดประชุมสมัยวิสามัญ พรรคฝ่ายค้านทั้ง 6 พรรคมีเสียงไม่พอ อยากเชิญชวน สอบถามฝ่ายรัฐบาลที่เห็นด้วยกับประชาธิปไตยจะร่วมเซ็นชื่อกับเราหรือไม่ รวมถึง ส.ว. สิ่งเหล่านี้น่าจะมาถกกันว่าสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร เป็นเรื่องที่อยากให้มีการพูดในรัฐสภาอย่างกว้างขวาง ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมานี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และถูกต้องหรือไม่

ด้านนายพิธา กล่าวว่า ขอสนับสนุนให้รัฐบาลยุติการใช้อำนาจที่ปราศจากความชอบธรรม เรียกร้องให้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินขั้นร้ายแรงทันที การที่มีการชุมนุมมา 13 -14 รับรองสิทธิตามรัฐธรรมนูญปราศจากความรุนแรง

ที่ผ่านมามีการควบคุมอารมณ์ของประชาชนได้เป็นอย่างดี ไม่มีภาวะเข้าการใช้ภาวะฉุกเฉินร้ายแรงแต่อย่างใด เรียกร้องให้ปล่อยตัวนิสิตนักศึกษาทันที ที่ได้มีโอกาสคลุกคลีกับคนที่ถูกจับ แค่คนมาลงป้ายรถเมล์ไม่ได้มีความตั้งใจมาชุมนุมแต่ก็โดนรวบไป

“คนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี มีผู้หญิง นิสิต นักศึกษา มาชุมนุมครั้งแรกโดยที่ไม่ทราบว่ามีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินก็ถูกจัลไป และเรียกร้องให้มีการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญทันที การใช้อำนาจในระหว่างไม่มีประชุมสภา ไม่ต่างจากรัฐประหารเงียบ ฝ่ายบริหารไม่มีอำนาจถ่วงดุลจากฝ่ายนิติบัญญัติ”

“มีรายงานที่ต้องตรวจสอบว่ามีทหารเข้าไปในสภา ทั้งที่ไม่มีความจำเป็น เพราะมีตำรวจสภาอยู่แล้ว และการประชุมของ กมธ.ถูกขอร้องจากฝ่ายความมั่นคงไม่ให้ประชุมเกี่ยวกับหัวข้อทางการเมือง ประมุขนิติบัญญัติต้องยืนยันว่าอำนาจนิติบัญญัติยังสถิตย์อยู่ในบ้านเมือง ณ เวลานี้” นายพิธา กล่าว

นายสงคราม กล่าวว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินขั้นร้ายแรง สถานการณ์ที่มีปัญหาผ่านไปแล้ว และกำลังจะสงบแล้ว และนักศึกษากำลังจะสลายการชุมนุมอยู่แล้ว แต่มาประกาศภายหลังไม่ทราบว่าทำเพื่ออะไร และเป็นห่วงว่ารัฐบาลมีการยั่วยุ ใส่ร้ายป้ายสี เรื่องนี้น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ขอร้องรัฐบาลอย่าทำให้เกิดความแตกแยกมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันสังคมเกิดความแตกแยกอยู่แล้วอย่าทำให้แตกแยกมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

นายทวี กล่าวว่า เหมือนรัฐประหาร เอาอำนาจมาไว้ที่นายกฯ ฝ่ายบริหารใช้อำนาจแล้วจะนำข้อเท็จจรงที่ไม่เป็นความจริงไปใส่ร้าย สร้างความด้อยค่า สร้างความขัดแย้งในสังคม และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ข้อ 17 เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตาม พรก.ฉุกเฉิน ไม่ต้องรับผิดทางแพ่ง ทางอาญา และทางวินัย ซึ่งจะสร้างความไม่สงบเกิดชึ้น

ดังนั้น ถือเป็นการยึดอำนาจเพื่อทำให้นักศึกษาถูกความเกลียดชัง ทั้งที่กลุ่มนักศึกษามาเรียกร้องเรื่องเสรีภาพ ถ้าเป็นอย่างนี้จะนำไปสู่การยึดอำนาจที่เกิดขึ้นต่อมา ถ้าสภาถึงทางตัน ดังนั้น ขอให้เปิดสภาวิสามัญโดยด่วนขอให้แก้ไขสถานการณ์เมืองในขณะนี้

ด้านเลขาธิการเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมมือกันประกันตัวนิสิต นักศึกษา เพราะมีคนถูกควบคุมตัวจำนวนมาก เราจะช่วยการดูแล และให้คำปรึกษาด้านข้อกฎหมายที่เป็นประโยชน์ อยากวิวอนรัฐบาล อย่าสร้างเงื่อนไขให้บานปลายขึ้นมาอีก อาจเป็นน้ำผึ้งหยดแรกและหยดเดียทำบ้านเมืองไปสู่ความไม่คาดหวัง