“อนุชา นาคาศัย” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กราบม็อบราษฎร “ขออย่าข่มขู่ บังคับ ขู่เข็ญ”
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่ออภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 122 ประกอบมาตรา 165 ว่า เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์มีความเห็นตรงกัน ว่า เห็นสมควรให้เปิดประชุมร่วมของสภาสมัยวิสามัญฯ เพื่อพูดคุยกันเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 2 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
- บริษัทดังประกาศปิดกิจการ ทุกสาขาทั่วประเทศ เลิกจ้างหลายชีวิต
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดย ครม. เป็นผู้ออก พ.ร.ฎ.เปิดประชุมสมัยวิสามัญ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่าเพื่อให้การแก้ปัญหาของประชาชน สภาจะช่วยกันหาทางออก ซึ่งปัญหาทุกปัญหาจะนำเสนอในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา
“ส่วนตัวคิดระยะเวลาในการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ 2-3 วัน จะสะเด็ดน้ำและทิศทางจะเป็นไปอย่างไร ซึ่งเวลาเพียง 1-2 ชั่วโมงมีค่าที่จะพูดคุย เจรจากันเพื่อหาทางออกร่วมกัน จึงต้องเร่งเปิดสมัยวิสามัญ เพื่อมีโอกาสหาทางออกร่วมกันโดยสันติวิธี ให้เกิดความสงบสุขในประเทศได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเรา นักการเมืองอยากเห็น เมื่อสังคมเกิดความแตกแยกต้องหาบทสรุปที่ดี สันติวิธี ถ้าคิดว่าการเรียกร้องเป็นสิ่งที่ถูกต้องทั้งสองฝ่าย สามฝ่าย สี่ฝ่าย หรือความคิดเห็นที่หลากหลายในแผ่นดิน ใช่ว่าเรามีความเห็นแบบนี้และต้องทำ 1 2 3 4 5 ต้องทำแบบนี้ถึงจะจบ ต้องมีช่วยกันคิด ขอให้มีจุดที่สามารถจบลงด้วยการพูดคุยเจรจาได้”
นายอนุชากล่าวว่า ส่วนข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ของผู้ชุมนุมที่เป็นความเห็นที่แตกต่าง ต้องมาสู่การพิจารณา โดยเฉพาะในส่วนของสภาผู้แทนฯ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง คือ เรื่องของรัฐธรรมนูญ ส่วนเรื่องอื่น ๆ เป็นข้อคิดเห็นและเสนอแนะเพื่อสะท้อนถึงปัญหา เช่น การบริหารราชการแผ่นดิน การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
“ส่วนการเรียกร้อง ผมคิดว่า ถ้าหากสังคมประชาธิปไตย การเรียกร้องเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ถ้าการบังคับ ขู่เข็ญ ไม่ใช่เรื่องถูกต้อง และบางเรื่องจุดยืนของพรรคการเมืองแต่ละพรรคมีอยู่แล้ว เช่น ต้องไม่เกี่ยวกับสถาบัน หมวด 1 และหมวด 2 ต้องไม่แก้ เพราะจุดยืนของแต่ละฝ่ายมี จะข่มขู่ บังคับ ขู่เข็ญ ก็คงจะกระไรอยู่”
นายอนุชากล่าวว่า อยากฝากถึงน้อง ๆ นิสิต นักศึกษา และนักเรียนว่า สิ่งที่เราทำก็ทำเพื่อประเทศชาติของเรา และทุกส่วนก็มีจุดยืนของแต่ละบุคคล ความเห็นที่แตกต่างของคนในชาติก็มีอยู่ ไม่ใช่ว่าทุกความเห็นต้องไปในทิศทางเดียวกัน คงต้องหาทางออกด้วยกัน พูดคุยกัน อะลุ้มอล่วยซึ่งกันและกัน ผมขอกราบวิงวอน ความเห็นต่างไม่ได้ผิด
“ทุกคนอยากเห็นเวทีสภาสามารถแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้เลือกเราเข้ามาเป็นตัวแทน ในฐานะนักการเมือง ซึ่งจะเป็นอย่างไรก็ต้องไปว่าในที่ประชุมของรัฐสภาอีกคน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จะมีการเปิดสมัยประชุมวิสามัญในสัปดาห์หน้า จำนวน 2 วัน เพื่ออภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 165 ส่วนการพิจารณารับร่างหรือไม่รับรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ญัตติในวาระแรกจะต้องไปเกินเวลาในสมัยสามัญที่จะเปิดประชุมในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 คาดว่าจะสามารถลงมติรับหลักการวาระแรกในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 เนื่องจากต้องรอกระบวนการขั้นตอนการตรวจสอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับไอลอว์ ที่จะเสร็จในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563