รมว.ต่างประเทศ เมียนมา เยือนไทย ถกประยุทธ์ หาทางออกวิกฤตชาติ

“Wunna Maung Lwin” รมว.ต่างประเทศ เมียนมา เยือนไทย ดอดพบประยุทธ์-ดอน ชี้แจงวิกฤตภายในประเทศ

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานอ้างอิงจากมติชนว่า ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เสร็จภารกิจรับวัคซีนโควิด-19 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ได้เดินเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลเวลา 12.00 น.

จากนั้น เวลา 12.48 น.นายกรัฐมนตรี เดินทางออกจากทำเนียบฯโดยไม่มีการแจ้งภารกิจอย่างเป็นทางการ แต่แจ้งเป็นภารกิจลับ (ว.5) โดยมีรายงานข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ ได้พบปะหารือกับ นายวันนา หม่อง ลวิน (Wunn Maung Lwin) รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศของ เมียนมา

และกระทั่งเวลา 14.20 น. จึงเดินทางมาประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 2/2564 และการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.

ข่าวสด รายงานว่า รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเมียนมาได้ชี้แจงสถานการณ์ภายในประเทศเมียนมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการเมืองและเหตุการณ์ประท้วงของชาวเมียนมา ทั้งในเมียนมาและอีกหลายประเทศ ซึ่งทำให้ประเทศสมาชิกอาเซียนวิตกกังวล โดยใช้เวลาในการพูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม นายธานี แสงรัตน์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า “ไม่สามารถยืนยันได้ตอนนี้” ส่วน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุลรอง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ”ยังไม่ได้รับรายงาน”

ด้าน เว็บไซต์อิรวดีของเมียนมา รายงานว่า นายวันนา หม่อง ลวิน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของเมียนมา ที่กองทัพแต่งตั้ง เดินทางมาที่กรุงเทพ เพื่อเจรจาหาทางออกวิกฤตการเมือง กับนางเร็ตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอินโดนีเซีย ตามความพยายามทางการทูตของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนที่ต้องการหาทางออกวิกฤตการเมืองิิเมียนมา หลังรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอินโดนีเซีย ยกเลิกทริปเดินทางเยือนิิเมียนมา โดยได้พบกับ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของไทยด้วย

มติชนรายงานอีกครั้งระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับ นายวันนะ หม่อง ลวิน รัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมาว่า “บางครั้งบางเรื่อง ก็เป็นเรื่องที่ไม่เป็นทางการขอให้เข้าใจด้วย สื่ออย่าถามทุกเรื่อง เรื่องนี้เป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราในฐานะมิตรประเทศก็ต้องรับฟังซึ่งกันและกัน ก็สุดแล้วแต่จะเป็นอย่างไร ทั้งนี้เราก็เป็นกำลังใจในฐานะประเทศหนึ่งในอาเซียนที่ต้องทำให้เกิดความร่วมมือ รวมทั้งส่งกำลังใจให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อยแค่นั้นพอแล้ว”