พลังประชารัฐ เขย่าโผ ครม. “ภูมิใจไทย” ล้างโควตา-ปชป.ขู่งัดสัญญาเก่า

 

รายงานพิเศษ

รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเดินมาถึง “ครึ่งทาง” ของการบริหารเศรษฐกิจ-การเมือง มี “ต้นทุน” ต้องจ่าย ภายหลังศาลอาญาตัดสินจำคุก-ตัดสิทธิทางการเมือง 3 รัฐมนตรี 5 ส.ส.-อดีตแกนนำ กปปส. คดีชุมนุมขับไล่ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์”

การ “พ้นสถานะ” ของ 3 รัฐมนตรี คือ 1.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ 2.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 3.นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม กลายเป็น “ตัวเร่ง” ของการปรับทัพฝ่ายบริหารเร็วขึ้น

การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งที่ 4 ของ พล.อ.ประยุทธ์สมัยที่สอง (ครม.ประยุทธ์ 2/4) จึงเป็น “ไฟต์บังคับ”

ครม.ประยุทธ์ 2/4 จึงเป็นการ “ปรับเร็ว” กาปฏิทิน ไม่เกินวันที่ 15 มีนาคม 2564 จากเดิมต้องการ “ทอดยาว” ออกไป หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อไม่ให้พรรคฝ่ายค้าน “เคลมผลงาน” ว่า การปรับ ครม.เป็น “ผลพวง” จาก “ศึกซักฟอก”

พลังประชารัฐวิ่งฝุ่นตลบ

ท่ามกลางการ “วิ่งเต้น-โยนหินถามทาง” ของกลุ่ม-ก๊วนภายในพรรคพลังประชารัฐ และไซด์เอฟเฟ็กต์จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ-ล็อบบี้เสียงโหวตหวังผลไม่ให้ถูก “เขี่ยตกเก้าอี้”

“ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์ เดินสาย-ล็อบบี้ “พรรคเล็ก” เพื่อให้คะแนนโหวต “ไว้วางใจ” มากกว่า “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน และ “เสี่ยตั้น-ณัฏฐพล” จนกลายเป็น “รัฐมนตรีรองบ๊วย-บ๊วย”

ขณะที่ “สุชาติ” ใช้ความสนิทสนมกับพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย-พลังธรรมใหม่-ชัช เตาปูน และ “มนูญ สิวาภิรมย์รัตน์” หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่

โค้งสุดท้าย “ก๊กสาม ช.” ที่ต้องการ “อัพไซซ์” เก้าอี้เสนาบดี จาก “รัฐมนตรีช่วยว่าการ” สู่ “รัฐมนตรีว่าการ” โดยอาศัย “แต้มต่อ” เป็น “คนใกล้ชิด” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ-สถาปนาตัวเองเป็น “ก๊กป่ารอยต่อ”

รวมถึงปรากฏการณ์ “ชูขึ้นมาเชือด” คนที่ไม่ใช่อยู่ในโผ-คนที่ไม่อยู่ในโผเป็นคนที่ใช่ ในพลังประชารัฐ ของ “ก๊วนสามมิตร” ขอเป็น “ตัวสอดแทรก-ตาอยู่” ในช่วง “ชุลมุน-ฝุ่นตลบ” เพื่อ “แลกเก้าอี้-สลับตำแหน่ง”

แม้ “พล.อ.ประวิตร” จะเป็นคน “จัดโผเอง” แม้ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” จะมีชื่อ “วิ่ง-ว่อนอยู่ในโผ” (ว่าที่) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แต่การประชุมกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) พลังประชารัฐ ยังมีการ “เขย่าโผ” กันอีกหลายรอบ

“คีย์แมนพลังประชารัฐ” รายหนึ่งยอมรับว่า ยัง “หาไม่ได้” โดยเฉพาะ “เก้าอี้เสมา 1” แต่สุดท้ายแล้วกระทรวงใหญ่-งบประมาณมหาศาล “พล.อ.ประยุทธ์” จะเป็นคน “ทุบโต๊ะ”

ภูมิใจไทยขอโควตาเพิ่ม

มิหนำซ้ำยังมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า พรรคภูมิใจไทย “ขอโควตาเพิ่ม” หลัง “เก็บแต้ม” ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์-พรรครัฐบาล จากการ “ช้อนซื้อ” ส.ส.งูเห่าเข้าสังกัดได้ “หลายสิบตัว”

เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล “บอสใหญ่ภูมิใจไทย” ก่อร่าง-สร้างพรรคภูมิใจไทยจากพรรคร่วมรัฐบาลอันดับสาม 51 เสียง กลายเป็น “พรรคอันดับสอง” 61 เสียง (ไม่รวม ส.ส.งูเห่าจากพรรคก้าวไกล 4 คน)

ส่งผลต่อสัดส่วน “โควตารัฐมนตรี” จากสูตร ส.ส. 7 คน ต่อ 1 เก้าอี้รัฐมนตรี จากปัจจุบันที่พรรคภูมิใจไทยมีรัฐมนตรี 7 คน 8 เก้าอี้ กลายเป็นต้องได้ “เก้าอี้เพิ่ม” อีก 1 ตำแหน่ง หรือ 8 คน 9 ตำแหน่ง

โดยใช้ “ข้ออ้าง” การโหวตสวน-แหกมติพรรคของ 6 ส.ส.ดาวฤกษ์ พลังประชารัฐ “กดดัน” พล.อ.ประวิตร เพื่อให้ไปกดดัน พล.อ.ประยุทธ์ “อีกต่อ”

แม้ “อนุทิน” จะรักษาระยะห่าง “ไม่ขอเก้าอี้เพิ่ม” แต่ “ไม่ทวงก็เหมือนทวง”

ประชาธิปัตย์ถอนตัว ?

สุดท้าย “ที่นั่งลำบาก” ไม่พ้นตกอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ที่กลายเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอันดับสาม 51 เสียง (ไม่นับเสียงเทพไท) ที่ต้องถูก “ริบโควตาคืน” จากปัจจุบันมีรัฐมนตรี 7 คน 8 เก้าอี้ (นับรวมตำแหน่ง รมช.คมนาคมของถาวร)

การถูกยึดโควตารัฐมนตรีคืน จึงกลายเป็น “ไฟสุมอก” ในพรรคประชาธิปัตย์ ที่รอวันปะทุ แต่ไม่ถึงขั้น “ถอนตัว” ออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพราะ “ไม่มีใครอยากเลือกตั้งตอนนี้”

ทว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังมีทางออก-ฤทธิ์เดช หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้แก้รัฐธรรมนูญได้เพียง “รายมาตรา” ซึ่งจะเป็น “ฟางเส้นสุดท้าย” ให้ประชาธิปัตย์ถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอย่างหล่อ ๆ

การเลือกตั้งซ่อมเขต 3 นครศรีธรรมราชจึงเป็นทั้งการ “เดิมพัน” และ “ความชอบธรรม” ทั้งของพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มภาคใต้-พลังประชารัฐ ว่า ประชาธิปัตย์จะยังคงรักษาโควตาเดิม 7 ที่นั่ง หรือต้องยอมจำนนถูก “ริบโควตา”

ขณะที่โควตาภาคใต้-พลังประชารัฐ หากสามารถล้มประชาธิปัตย์-คว้า 1 เก้าอี้ได้จะทำให้เพิ่ม “อำนาจต่อรอง” การขอโควตารัฐมนตรีให้กับกลุ่มภาคใต้

ต้องมีพรรค มีพวก-เก่งบวกมือ

แกนนำพลังประชารัฐรายหนึ่งวิเคราะห์ว่า วันนี้อยู่โหมดการเมือง ต้อง “เก่งบวกมือ” ถึงเวลาโหวต จะไปคุยกับใครให้ช่วยเรา ถ้าเราไม่มีพวก การเมืองเป็นสูตรสำเร็จ-สัดส่วนการหารเก้าอี้รัฐมนตรี

“ทุกคนอยู่กับ พล.อ.ประวิตร พรรคนิ่งหมด มีแค่ไม่กี่คนที่วิ่ง การตั้งรัฐมนตรียากมาก ต้องหาคนที่มั่นใจว่าทำได้ด้วย และการเมืองต้องมีเพื่อน ไม่ใช่เล่นกันแบบเอาเป็นเอาตาย”

ขณะนี้จึงมีแต่ “ก๊กธรรมนัส” ที่ยังขย่ม-เขย่าโผ ครม. เพื่อนั่งเก้าอี้ว่าการกระทรวงดีอีเอส ส่วนแกนนำสามมิตรแท้ ๆ ไม่ขยับ มีเพียงสามมิตรเทียมที่ยังป่วนโผ ครม.

ทว่าความยากของการปรับ ครม.ประยุทธ์ 2/4 คือ การหา “โซลูชั่น” ที่ต้องไม่ให้ยอมรับได้ทั้งภายในพรรคพลังประชารัฐ-พรรคร่วมรัฐบาล และ “ต้องไม่ใช่คนนอก” แต่เป็นที่ยอมรับ โดยเฉพาะเก้าอี้เสมา 1

“สุดท้ายขึ้นอยู่กับนายกฯ ถ้าพรรคเสนอไปแต่นายกฯไม่เอา ถามว่า 3 คนที่วิ่งกันอยู่ น่าจะมีคนสมหวังสักคนเพื่อรักษาน้ำใจ ถ้าทางการเมืองสันติ (พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง) ต้องได้ขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการ”

โอ๋-ชัยวุฒิ ตัวแทนตั้น-บี

เมื่อ 2 เกลอ “ณัฏฐพล-พุทธิพงษ์” ถูก “ประหารชีวิตทางการเมือง” กลุ่ม กทม.ไร้หัว โจทย์ใหญ่-งานหิน ของแกนนำพลังประชารัฐกำลังขบคิด-คิดหนัก คือ การควานหาหัวเรือใหญ่-หางเสือ

การเลือกตั้งรอบหน้าประชาธิปัตย์ฟื้นตัวอยู่แล้ว พลังประชารัฐจะหาย คนที่จะแทน “ณัฏฐพล-พุทธิพงษ์” ได้ คือ โอ๋-ชัยวุฒิ (ธนาคมานุสรณ์) แนบแน่นกับทั้ง 2 คน

รัฐมนตรีโควตา กทม.อาจจะมีชื่อ “โอ๋-ชัยวุฒิ” ติดหนึ่งในโผ ครม.ฉบับฝุ่นตลบในช่วงโค้งสุดท้ายก็เป็นได้