“บิ๊กตู่” บินถกเอเปคที่เวียดนามพรุ่งนี้ ต่อด้วยประชุมอาเซียน 13-14 พ.ย. ที่ฟิลิปปินส์

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีกำหนดการเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC Economic Leaders’ Meeting) ครั้งที่ 25 ที่นครดานัง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างวันที่ 10-11 พฤศจิกายน และการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 31 และการประชุมสุดยอดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 13-14 พฤศจิกายน 2560 ทั้งนี้ การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค มีหัวข้อหลัก คือการสร้างพลวัตใหม่และการส่งเสริมการพัฒนาไปสู่อนาคตร่วมกันภายใต้ ประเด็นสำคัญ 4 ประเด็น ได้แก่ 1.การส่งเสริมการเติบโตที่ครอบคลุม สร้างสรรค์ และยั่งยืน 2.การส่งเสริมการการรวมตัวทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค 3.การส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันและนวัตกรรมแก่วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อยในยุคดิจิทัล 4.การส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารและเกษตรกรรมอย่างยั่งยืนที่สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

พล.ท.วีรชนกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์จะกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุม เพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการดำเนินการของไทยที่สำคัญในกรอบเอเปค โดยเฉพาะการค้าพหุภาคี FTAAP ความเชื่อมโยง เศรษฐกิจสีเขียว และการพัฒนาทุนมนุษย์ รวมถึงนโยบายของรัฐบาลในการยกระดับและพัฒนาเศรษฐกิจและบทบาทของไทยในการผลักดัน APEC Strategy for Green, Sustainable and Innovative MSMEs รวมทั้งจะได้ร่วมหารือเกี่ยวกับวาระของเอเปคหลัง ปี ค.ศ. 2020 (Post-2020 Vision) ซึ่งจะมีส่วนในการกำหนดหัวข้อและประเด็นหลักสำหรับการประชุมเอเปค ในปี 2565 (ค.ศ.2022) ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพด้วย พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีและผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคจะได้แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์และส่งเสริมความร่วมมือกับผู้แทนจากภาคธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ในการประชุม การหารือเต็มคณะระหว่างผู้นำเอเปคกับผู้แทนสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค(ABAC) ด้วย

พล.ท.วีรชนกล่าวถึงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 31 ที่กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 13-14 พฤศจิกายน ว่านอกจากจะมีการประชุมของผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 2 ในรอบปีแล้ว ยังเป็นการประชุมร่วมกับผู้นำของประเทศคู่เจรจาของอาเซียน โดยมีผู้นำจากจีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหรัฐ รัสเซีย และสหประชาชาติ รวมทั้งผู้นำจากประเทศที่เป็นแขกพิเศษของประธานคือ แคนาดา และสหภาพยุโรป เข้าร่วมด้วย วัตถุประสงค์สำคัญสำหรับการประชุมครั้งนี้ เพื่อร่วมประเมินสถานการณ์โลกในปัจจุบันและร่วมกันกำหนดทิศทางความร่วมมือเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ของความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับแต่ละประเทศคู่เจรจา พร้อมๆ ไปกับการขับเคลื่อนกรอบความร่วมมือต่างๆ ที่มีอาเซียนเป็นแกนกลาง เช่น การประชุมอาเซียนบวกสามและการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit – EAS) เพื่อให้สามารถบริหารจัดการความเปลี่ยนแปลงในภูมิภาค และเพื่อหามาตรการร่วมกันในการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมที่มีผลกระทบต่อภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และกับประชาคมโลก

รองโฆษกรัฐบาลกล่าวว่า ฟิลิปปินส์ได้กำหนดหัวข้อหลักสำหรับการเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ว่า “Partnering for Change, Engaging the World” มีประเด็นสำคัญๆ (1) การสร้างประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง (2) การส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงภายในภูมิภาค (3) การส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเล (4) การส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมและนำโดยนวัตกรรม (5) การส่งเสริมความเข้มแข็งในภูมิภาค และ (6) การส่งเสริมให้อาเซียนเป็นต้นแบบในการรวมตัวในระดับภูมิภาค และมีบทบาทสำคัญในระดับโลก ทั้งนี้ ที่ประชุมจะลงนามในเอกสาร 2 ฉบับ ได้แก่ ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยนวัตกรรม และฉันทามติอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของแรงงานต่างด้าว

“นายกฯ จะผลักดันประเด็นสำคัญในที่ประชุมต่างๆ ครอบคลุม ทั้งการพัฒนาศักยภาพของประชาคมอาเซียนที่จะสามารถแก้ไขปัญหาความท้าทายทั้งจากในและนอกภูมิภาค เพื่อให้อาเซียนสามารถมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีพลวัตและการพัฒนาที่ยั่งยืน ตอกย้ำความสำคัญของการที่อาเซียนจะต้องมีเอกภาพเพื่อสามารถคงไว้ซึ่งความเป็นแกนกลางของอาเซียนในโครงสร้างสถาปัตยกรรมในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และศักยภาพของอาเซียนในการบริหารจัดการความเปลี่ยนแปลงในภูมิภาค โดยส่งเสริมระบบภูมิภาคนิยมและพหุภาคีนิยม เพื่อปูทางไปสู่การที่ทั้ง 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนจะร่วมมืออย่างใกล้ชิดต่อไปในช่วงหลังวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ.2025 เพื่อส่งเสริมประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง และเสริมสร้างความมั่นคงของมนุษย์และไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง” รองโฆษกฯกล่าว

 

ที่มา : มติชนออนไลน์