ป.ป.ช.ฟัน 157 กิตติรัตน์เอื้อสยามอินดิก้า ขายข้าว BULOG 3 แสนตัน

ปปช.ชี้มูลความผิดกิตติรัตน์
ภาพจากเฟซบุ๊ก กิตติรัตน์ ณ ระนอง - Kittiratt Na-Ranong

ป.ป.ช.ชี้มูล “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” สมัยรองนายกฯ-รมว.พาณิชย์ ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ป.อาญา 157 พ่วงอาญา-ฮั้วประมูล ปธ.-รอง-ผู้ช่วย อคส. กราวรูด เอื้อ บ.สยามอินดิก้า ขายข้าว BULOG อินโดฯ 3 แสนตัน

วันที่ 29 มิถุนายน 2564 นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องกล่าวหานายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กับพวก

กรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โดยละเว้นไม่ควบคุมดูแลหรือสั่งการให้มีการตรวจสอบ กรณีองค์การคลังสินค้า (อคส.) คัดเลือกบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ให้เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้ BULOG ประเทศอินโดนีเซีย โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นายนิวัติไชยกล่าวว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2554 องค์การคลังสินค้ากับองค์การสำรองอาหาร หรือ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย ทำสัญญาซื้อขายข้าว ปริมาณ 300,000 ตัน ในราคาตันละ 559 เหรียญสหรัฐ และเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามสัญญาดังกล่าว องค์การคลังสินค้าจึงได้ออกประกาศเชิญชวนผู้ประกอบการค้าข้าวให้เสนอขายข้าวขาว 15% เพื่อส่งมอบให้แก่ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย

“โดยวิธียื่นซองเสนอราคาในวันที่ 13 ธันวาคม 2554 โดยไม่ปรากฏว่าหนังสือดังกล่าวได้มีการประกาศเป็นการทั่วไป ซึ่งไม่ชอบด้วยระเบียบองค์การคลังสินค้าว่าด้วยการจัดซื้อสินค้าเพื่อการค้าปกติ พ.ศ. 2541” นายนิวัติไชยกล่าว

นายนิวัติไชยกล่าวว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2554 มีผู้ยื่นซองเสนอราคา จำนวน 2 ราย ได้แก่ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และบริษัท นครสวรรค์ค้าข้าว จำกัด ซึ่งทั้งสองบริษัทได้มอบอำนาจให้พนักงานของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เป็นผู้มายื่นซองเสนอราคา ผลการพิจารณาคุณสมบัติปรากฏว่า บริษัท นครสวรรค์ค้าข้าว จำกัด ไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ จึงเหลือเพียงบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เพียงบริษัทเดียว

นายนิวัติไชยกล่าวว่า นายสุรศักดิ์ ศรีประภา ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้าและได้รับมอบหมายให้รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าในขณะนั้น จึงได้อนุมัติให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้แก่ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย

โดยองค์การคลังสินค้าได้ตกลงทำสัญญาซื้อขายข้าวกับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด จำนวน 100,000 ตัน ราคาตันละ 559 เหรียญสหรัฐ และต่อมาองค์การคลังสินค้าได้มีการทำบันทึกต่อท้ายสัญญากับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เพื่อตกลงซื้อขายข้าวเพิ่มเติมอีก จำนวน 200,000 ตัน โดยไม่มีการออกประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไปให้ผู้ประกอบการค้าข้าวเสนอราคาขายข้าวเพื่อแข่งขันราคากันแต่อย่างใด

“กรณีดังกล่าวจึงถือได้ว่านายสุรศักดิ์ ศรีประภา ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้าและได้รับมอบหมายให้รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า นายพิทีรต์ ตั้งพสสวัสดิ์ หรือนายพิพรรธารย์ มาตธินินทร์ รองผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า และนายสมศักดิ์ วงศ์วัฒนศานต์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า ได้ร่วมกระทำไปโดยมุ่งหมายและมีวัตถุประสงค์ที่จะเอื้ออำนวยให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ได้เข้าเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับองค์การคลังสินค้าและไม่ต้องแข่งขันราคากับผู้เสนอราคารายอื่น

โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม อันเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบเพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบ ด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นการเสียหายแก่องค์การคลังสินค้า”

นายนิวัติไชยกล่าวว่า ข้อเท็จจริงยังรับฟังได้อีกว่า ภายหลังจากที่องค์การคลังสินค้าได้คัดเลือกบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ให้เป็นผู้ส่งมอบให้แก่ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย ตัวแทนสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยได้เข้าพบนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในขณะนั้น ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อทักท้วงว่า การคัดเลือกบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ให้เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้ BULOG ประเทศอินโดนีเซีย มีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

“ซึ่งนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ทราบข้อเท็จจริงอยู่แล้วว่าองค์การคลังสินค้าได้คัดเลือกบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ให้เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้ BULOG ประเทศอินโดนีเซีย แต่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ไม่ใช้อำนาจในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สั่งการให้มีการตรวจสอบ หรือดำเนินการใด ๆ เพื่อยับยั้งหรือแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายขององค์การคลังสินค้าดังกล่าว” นายนิวัติไชยกล่าว

นายนิวัติไชยกล่าวว่า นายกิตติรัตน์กลับแจ้งแก่ผู้แทนสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย รวมถึงให้ข่าวแก่สื่อมวลชนว่าจะไม่มีการทบทวนเรื่องดังกล่าว โดยกล่าวอ้างว่าการดำเนินการขององค์การคลังสินค้าเป็นไปโดยชอบ และทางฝ่าย BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย เป็นผู้เลือกบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด แต่ปรากฏว่า BULOG ไม่เคยให้ข้อเสนอแนะหรือแนะนำรายชื่อผู้ส่งออกข้าวให้กับองค์การคลังสินค้าแต่อย่างใด แสดงให้เห็นเจตนาว่าต้องการเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ได้เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้แก่ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย แต่เพียงผู้เดียว

นายนิวัติไชยกล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติ ดังต่อไปนี้

1.การกระทำของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง มีมูลความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192

2.การกระทำของนายสุรศักดิ์ ศรีประภา นายพิทีรต์ ตั้งพสสวัสดิ์ หรือนายพิพรรธารย์ มาตธินินทร์ นายสมศักดิ์ วงศ์วัฒนศานต์ และบริษัท สยามอินดิก้า จำกัดกับพวก มีมูลความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 4 มาตรา 10 และมาตรา 12 พระราชบัญญัติ

ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 8 และมาตรา 11 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86