เคอร์ฟิว 10 จังหวัดสีแดงเข้ม เริ่มตั้งด่าน ห้ามออกจากบ้าน ตั้งแต่เวลา 00.00 น. ของวันที่ 12 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป
วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มาตราการการควบคุมพื้นที่ 10 จังหวัดสีแดงเข้มพิเศษ ตามที่ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เกี่ยวกับข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 27) ประกาศ ณ วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- ราชกิจจาฯ ประกาศเคอร์ฟิว 10 จังหวัด ห้ามออกนอกบ้าน 3 ทุ่ม-ตี 4 เริ่ม 12 ก.ค.
- ราชกิจจาฯ ออกประกาศ พื้นที่ควบคุมโควิด 77 จังหวัด มีผล 12 ก.ค.นี้
สำหรับพื้นที่ควบคุมพื้นที่ 10 จังหวัดสีแดงเข้มพิเศษ ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร, นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, นราธิวาส, ปัตตานี, ยะลา และสงขลา ได้กำหนดห้ามประชาชนออกจากเคหสถาน ในระหว่างเวลา 21.00-04.00 น. ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน นับแต่วันที่ข้อกำหนดฉบับนี้บังคับใช้ โดยจะเริ่มใช้มาตรการตั้งแต่เวลา 00.00 น. ของวันที่ 12 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ มีบุคคล 5 ประเภท ที่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านได้ โดยให้แสดงบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรแสดงตนอย่างอื่น และเอกสารรับรองความจำเป็น ประกอบด้วย
1.สาธารณสุข ผู้ป่วยที่ต้องไปพบแพทย์เพื่อรักษา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานด้านสาธารสุข
2.ขนส่งสินค้าเพื่อประชาชน ผู้ขนส่งอาหาร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ สินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตทางการเกษตร น้ำมันเชื้อเพลิง ไปรษณีย์ พัสดุภัณฑ์ สิ่งพิมพ์ สินค้าเพื่อส่งออกหรือนำเข้า
3.ขนส่งหรือขนย้ายประชาชน ผู้ปฏิบัติงานขนส่งสาธารณะ ผู้ขนส่งและผู้เดินทางมาจากหรือไปยังท่าอากาศยานหรือสถานีขนส่ง ผู้ขนส่งและประชาชนที่เดินทางไปยังที่เอกเทศตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ ศูนย์พักคอยรอการส่งตัว หรือระบบแยกกักเพื่อรองรับการให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อในชั้นแรก ผู้โดยสารและผู้เกี่ยวข้องที่จำเป็นต้องเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดในเวลานั้น
4.บริการหรืออำนวยประโยชน์แก่ประชาชน ผู้ให้ความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ คนไร้ที่พึ่ง หรือผู้ประสบภัย ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าและอาหาร ผู้บริการตรวจสอบหรือซ่อมบำรุงระบบสาธารณูปโภค ระบบระบายน้ำ ระบบท่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ผู้จัดเก็บและกำจัดขยะมูลฝอย
ผู้บริการซ่อมแซมและปรับปรุงโครงข่ายและอุปกรณ์ในการสื่อสารโทรคมนาคม ผู้บริการงานช่วยเหลือกู้ภัย การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ภัยพิบัติ ผู้บริการด้านธนาคาร ตลาดทุน การประกันภัย ผู้จำเป็นต้องดำเนินงานกรณีเกิดอุบัติเหตุ หรือต้องติดต่อราชการกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง พนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่
5.การประกอบอาชีพที่จำเป็น ผู้ทำงานตามรอบเวลา กะ หรือการทำงานตามผลัดเปลี่ยนเวรยาม หรือตามเวลาที่กำหนดไว้ตามปกติของทางราชการและเอกชน การทำงานในโรงงาน งานก่อสร้าง งานบำรุงรักษาหรืองานเกี่ยวเนื่องที่จำเป็นที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินงานได้ งานดูแลรักษาความปลอดภัย งานด้านเกษตรกรรม ประมง ปศุสัตว์ การตรวจรักษาสัตว์ ถ้ามีความจำเป็นอื่น ให้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ตามกฎหมายกำหนด
สำหรับกรณีอื่น ๆ นอกเหนือจากบุคคลที่ได้รับการยกเว้น ต้องขอเอกสารรับรองความจำเป็น ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เช่น ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอ ผู้อำนวยการเขต หัวหน้าสถานีตำรวจ หรือผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ตามตัวอย่างแบบรับรองความจำเป็นเท่านั้น หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีความผิดและต้องระวางโทษตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
ผิด พ.ร.ก. ฉุกเฉิน โดนอะไร
ข้อมูลจาก ราชกิจานุเบกษา พระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ระบุว่าผู้ฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งที่ออกตามกฎหมายนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในมาตรา 18