
การสื่อสารในสภาวะวิกฤตโควิด-วิกฤตการเมือง ข่าวปลอม (Fake news) ปลิวว่อนบนโลกออนไลน์ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีทางเลือก-ไฟต์บังคับ ต้องสลับตำแหน่ง “โฆษกรัฐบาล” จาก “สายบุ๋น” เปลี่ยนเป็น “สายบู๊”
คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 64 มีมติเห็นชอบแต่งตั้ง “ดร.แด๊ก” ธนกร วังบุญคงชนะ” เป็น “โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี” แทน “โฆษกเจมส์” อนุชา บูรพชัยศรี ถูกขยับลอยขึ้นไปเป็น “รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง”
- อนุทินอัพเดตทรัพย์สินภรรยาคนที่ 3 “วธนนนท์” ค้างค่าหย่าภรรยาคนที่ 2
- เปิดภาพโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ติดถนนวิภาวดีรังสิต
- STARK สะเทือนตลาดหุ้นกู้ นักลงทุนเกือบ 5 พันรายช็อกเจอเบี้ยวหนี้
แหล่งข่าวระดับสูงบนหอไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ระบุเหตุผลการ “เปลี่ยนตัว” โฆษกรัฐบาล สั้น ๆ แต่ชัดเจน ว่า “เพื่อต่อสู้กับข่าวปลอมได้มากขึ้น”
ก่อนหน้านี้ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ตั้ง “ศูนย์บริหารการสื่อสารในภาวะวิกฤต” มี “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็น “หัวหน้าศูนย์”
“เสี่ยแฮงค์” กับ “ธนกร” ถือว่าเป็น “ลูกพี่-ลูกน้อง” กันมาในพรรคพลังประชารัฐ-สายสามมิตร เป็น “ลูกหม้อ” นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร
เส้นทางการเติบใหญ่ของ “ธนกร” ตั้งแต่ตำแหน่งรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ก่อนจะเบียดไหล่ “ดร.กอบ” กอบศักดิ์ ภูตระกูล “แกนนำสี่กุมาร” ขึ้นมาเป็นโฆษกพรรคพลังประชารัฐ
หลังจาก “โฆษกบิ๊กอาย” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ไปเป็น รมช.แรงงาน “ธนกร” ก็มีชื่อเป็นแคนดิเดตโฆษกรัฐบาล “ตีคู่” มากับ “โฆษกเจมส์” ที่มี “เสี่ยตั้น-เสี่ยบี” หนุนหลัง
แต่ด้วยรูปพรรณสัณฐาน สุขุม-นุ่มลึก พูดจาดี-มีหางเสียง “อนุชา” จึงคว้า “โทรโข่งรัฐบาล” ไปนอนกอด 1 ปี กับอีก 6 วัน หลังจากมติ ครม.เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2563 แต่งตั้งเป็นโฆษกรัฐบาล
“จุดตาย” ที่ทำให้ “ธนกร” อกหัก แพ้-ชนะเพียงปลายจมูกในครั้งนั้น เพราะ “พล.อ.ประยุทธ์” ต้องการให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลอยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมือง ตำแหน่ง “โฆษกรัฐบาล” จึงต้องลด-ละ-เลิก ป้ายสี-สาดโคลน เป็นการเมืองแบบเก่า
ทว่า “ธนกร” ได้ขยับเข้าใกล้ “ตึกนารีสโมสร” อย่างเงียบ ๆ และมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเข้ามารับตำแหน่ง “เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี” เป็นเงาตามตัว “เสี่ยแฮงค์”
ก่อนจะสร้างเซอร์ไพรส์ ด้วยการก้าวขึ้นมาเป็น “โฆษก ศบศ” ส่งข่าวผลการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจในทุกแพลตฟอร์ม ทั้งในนาม “โฆษกศบศ.” และในนามพรรคพลังประชารัฐที่มี “พล.อ.ประยุทธ์” อยู่ในบัญชีแคนดิเดตนายกฯ
เมื่อ “รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์” กำลังวิ่งเข้าสู่ “โค้งสุดท้าย” ก่อนจะครบวาระในปี 2566 หรือประมาณ 1 ปีครึ่ง นับจากนี้ไปต้องเข้าสู่ “โหมดการเมือง” เต็มสูบ
ที่สำคัญคือการมี “ข่าวปลอม” ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด การมานั่งเก้าอี้ “กระบอกเสียงรัฐบาล” ของ “ธนกร” จึงถูกที่-ถูกเวลา และ “จุดแข็ง” ของ “ธนกร” ที่ถูกมองว่าเป็น “จุดอ่อน” กลายมาเป็น “สุกงอม” ทันกิน-ทันใช้
ตลอดระยะเวลาในการทำหน้าที่ “องครักษ์พิทักษ์นายกฯ” คงเส้นคงวา-เสมอต้นเสมอปลายจน “ชนะใจ” พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ปล่อยให้เปิดหน้าถูกฝ่ายค้าน-ฝ่ายแค้นสาวหมัดใส่ฝ่ายเดียว