รัฐแจกมาตรการเยียวยาทุกชนชั้น ไฟเขียวลดค่าไฟ ตรึงราคาน้ำมัน

ค่าไฟ

ครม.เห็นชอบ 10 มาตรการช่วยเหลือประชาชน กระจายทุกกลุ่ม รอบใหม่อีก 3 เดือน ลดราคาก๊าซหุงต้ม ตรึงน้ำมัน ลดค่าไฟ มนุษย์เงินเดือน-นายจ้างได้ลดเงินสมทบประกันสังคม ประกันสังคมมาตรา 33 จาก 5% เหลือ 1%

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดว่าสถานการณ์การสู้รบรัสเซีย-ยูเครน ยังไม่จบได้เร็วนัก จึงได้สั่งการให้ระดมความคิดเพื่อหามาตรการช่วยเหลือประชาชนโดยเร่งด่วน เพิ่มเติมจากที่รัฐได้ออกมาตรการไปแล้ว และยังใช้อยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โควิด-19

ครม.เห็นชอบและสามารถดำเนินการได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงกรกฎาคม รวม 10 มาตรการ ทั้งนี้ โดยใช้ระยะเวลา 3 เดือน ประกอบด้วย 1.การเพิ่มเงินช่วยเหลือเพื่อซื้อก๊าซหุงต้มสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3.6 ล้านคน โดยเพิ่มเงินจากเดิม 45 บาท เป็น 100 บาท/3เดือน 2.ให้ส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้ม เดือนละ 100 บาท สำหรับผู้ค้าหาบเร่แผงลอยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนประมาณ 5,500 คน

3.ช่วยเหลือค่าน้ำมันให้กับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมการขนส่งทางบก จำนวน 157,000 คน โดยช่วยลดค่าใช้จ่ายน้ำมัน 250 บาทต่อเดือน และขอให้กรมการขนส่งทางบกกำกับราคาการให้บริการเพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ต้องใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางเท่าเดิม

4.คงราคาขายปลีกผู้ที่ใช้ก๊าซ NGV ไว้ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม 5.ผู้ขับขี่แท็กซี่มิเตอร์ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน สามารถซื้อก๊าซได้ในราคา 13.62 บาท/กิโลกรัม

6.ช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน โดยลดค่า Ft ลง 22 สตางค์ต่อหน่วยในช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม

7.ตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2565 หลังจากนั้น รัฐบาลจะเข้าไปช่วยเหลือส่วนที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่ง 8.กำกับดูแลการปรับราคาก๊าซหุงต้มในช่วงตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน โดยใช้กองทุนน้ำมันฯเข้าไปช่วยลดผลกระทบจากการปรับราคาให้ไม่ขึ้นสูงเกินไป

9.ลดอัตราเงินสมทบของนายจ้างและลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 33 จาก 5% เหลือ 1% เพื่อให้ลูกจ้างและนายจ้างสามารถมีกำลังในการใช้จ่ายและผู้ประกอบการสามารถมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นในการดำเนินธุรกิจในช่วงถัดไป

10.ลดอัตราเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 39 จาก 9% เหลือ 1.9% และลดอัตราเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 40 ลงเหลือ 42-180 บาทต่อเดือน

นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้ได้มากที่สุด ก่อนจะเข้าสู่ฤดูการเพาะปลูก โดยเน้นการใช้วัตถุดิบในประเทศและให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานกับประเทศต่าง ๆ ในการจัดหาปัจจัยการผลิตที่จำเป็นเข้าประเทศด้วย

“ผมขอย้ำว่า รัฐบาลทุกกระทรวง และทุกหน่วยงาน กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อวางแผนช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทุกคนให้ได้มากที่สุด ให้พ้นวิกฤตซ้อนวิกฤตนี้ไปให้ได้ โดยไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และเร่งเดินหน้าตามแผนฟื้นฟูประเทศที่ได้วางไว้ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ทั้งเรื่องโอกาสการค้าการลงทุนกับต่างประเทศ การเปิดประเทศและการท่องเที่ยวในระยะต่อไป เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างอาชีพและรายได้ รวมไปถึงการช่วยลดภาระ แบ่งเบาค่าครองชีพด้วยมาตรการต่าง ๆ และแก้ปัญหาหนี้สินให้พี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า มาตรการเยียวยาประชาชน รอบใหม่ ทำให้กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ ต้องใช้เงินมาอุดหนุน ถึง 7 หมื่นล้านบาท จาก 3 รายการประกอบด้วย

  • 1.งบกลางปี 2565 รายการฉุกเฉินเร่งด่วน
  • 2. วงเงินจาก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19
  • 3. คือ เงินกู้จากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 4 หมื่นล้านบาท เป็นไม่กำหนดเพดานการกู้เงินสำหรับกองทุนน้ำมันฯ โดยความสามารถของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสามารถที่จะกู้เงินได้ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ มาตรการเยียวยาประชาชนรอบใหม่ 10 มาตรการ ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มอาชีพ เช่น ผู้ถือบัตรสวัสดิการสังคม พ่อค้าแม่ค้า คนขับมอเตอร์ไซค์ พนักงานเงินเดือน ที่ทำประกันสังคม ตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 รวมทั้งเกษตรกรด้วย