เมื่อเวลา 11.30 น.เมื่อวันที่ 8 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับแก้ไขประกาศป.ป.ช. เพื่อเพิ่มมูลค่าให้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดของเจ้าหน้าที่รัฐเกิน 3,000 บาท ว่า เรื่องนี้ตนไม่ได้เสนอ แต่เมื่อสื่อมวลชนมาถาม จึงตอบไปว่าอัตรา 3,000 บาท เป็นระเบียบคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 2542 ถ้าจะปรับใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับค่าเงินก็สมควร แต่หากไม่เห็นด้วยก็จบไป เรื่องนี้เขียนไว้ในกฎหมายป.ป.ช.มาตรา 103ว่า ข้าราชการรับเงินไม่ได้แม้แต่บาทเดียว ตามประกาศป.ป.ช.กำหนดไว้ ต่อมาป.ป.ช.ออกประกาศเมื่อปี 2544 เขียนไว้ว่ารับเงินแม้แต่บาทเดียวไม่ได้ ยกตัวอย่าง ถ้ารับโดยไม่ใช่ธรรมจรรยา เช่น การให้ทิปหรือเงินทอนในกรณีที่ไปติดต่ออะไรแล้วจ่ายเงินไปแล้วมีเงินทอนที่เหลือจะไม่เอาแล้วยกให้ไม่ได้ ยกเว้นเป็นการรับโดยธรรมจรรยา ภายใต้เงื่อนไข คือ รับจากญาติไม่กำหนดวงเงิน , ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ญาติ ให้เป็นของขวัญ ทั้งเงิน สิ่งของหรือประโยชน์อื่น ต้องไม่เกินมูลค่า 3,000 บาท และให้แก่บุคคลทั่วไปไม่เลือกไม่มีวงเงิน ที่ถูกคนมีสิทธิ์ได้รับ ยกตัวอย่าง นายกฯจะซื้อลูกหมาแจกใครไม่ได้ห้าม แต่ห้ามคนรับคือตั้งแต่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งเจ้าหน้าที่รวมตั้งแต่เจ้าหน้าที่ พนักงานรัฐวิสาหกิจ คณะกรรมการต่างๆของรัฐ เอกชนไปเป็นบอร์ดของรัฐ ไปจนถึงนายกรัฐมนตรี สนช.ก็อยู่ในข่ายเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลไปเสนอแก้ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของป.ป.ช. และก่อนหน้านั้นได้คุยกันเมื่อครั้งที่ทำเรื่องกฎหมายผลประโยชน์ขัดกันว่าจะแก้ไขหรือไม่อย่างไร ซึ่งป.ป.ช.ระบุว่าจะไปพิจารณาให้เหมาะสมตามเหตุการณ์และอาจตั้งเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น อาจห้ามเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายการเมืองให้เคร่งครัดกว่าเจ่าหน้าที่ที่ไม่ใช่ฝ่ายการเมือง แต่อย่าเขียนไว้ในกฎหมาย
